Main navigation

วิธีภาวนา - (ดูทั้งหมด)

การพิจารณาธรรมเป็นคู่เพื่อการบรรลุธรรม | ทวยตานุปัสสนาสูตร

การพิจารณาธรรมคู่
เพื่อการบรรลุธรรม
ทวยตานุปัสสนาสูตร
พระไตรปิฎก ฉบับหลวง
เล่มที่ ๒๕ ข้อ ๓๙๐-๔๐๗

ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
ก่อนจะฟัง
พึงเข้าสมาธิสักครู่หนึ่ง
เมื่อได้สมาธิดีแล้ว ฟังพุทโธวาท
และน้อมธรรมมาสู่ใจ น้อมใจปฏิบัติ
ตามพุทโธวาทตรง ๆ ให้เข้าใจแจ้ง
และได้สภาวะจิตดีจริง
เมื่อได้สภาวะดีใด ให้รักษาสภาวะนั้นออกมาสู่ชีวิตจริง

ความยาววีดีโอ: 38:19 นาที
เวลาปฏิบัติ: 45 นาที

--------

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ บุพพาราม ปราสาทของนางวิสาขามิคารมารดา ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล เมื่อราตรีเพ็ญมีพระจันทร์เต็มดวงในวันอุโบสถที่ ๑๕ ค่ำ พระผู้มีพระภาคอันภิกษุสงฆ์แวดล้อมประทับนั่งอยู่ในอัพโภกาส ทรงชำเลืองเห็นภิกษุสงฆ์สงบนิ่ง จึงตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าจะพึงมีผู้ถามว่า จะมีประโยชน์อะไร เพื่อการฟังกุศลธรรมอันเป็นอริยะ เป็นเครื่องนำออกไป อันให้ถึงปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ แก่ท่านทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงตอบเขาอย่างนี้ว่า มีประโยชน์เพื่อรู้ธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างตามความเป็นจริง คือ

การพิจารณาเห็นเนือง ๆ ว่า

นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย ๑
นี้ทุกขนิโรธ นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิดขึ้น เพราะอุปธิปัจจัย ๑  
เพราะอุปธิทั้งหลายนี้เองดับไป เพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิดขึ้น เพราะอวิชชาเป็นปัจจัย ๑  
เพราะอวิชชานั่นเองดับไป เพราะสำรอกโดยไม่มีเหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิดขึ้น เพราะสังขารเป็นปัจจัย ๑  
เพราะสังขารทั้งหลายนั่นเองดับไป เพราะสำรอกโดยไม่มีเหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิดขึ้น เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ๑  
เพราะวิญญาณนั่นเองดับ เพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด  ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิด เพราะผัสสะเป็นปัจจัย ๑  
เพราะผัสสะนั่นเองดับ เพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิดขึ้น เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ๑  
เพราะเวทนานั่นเองดับเพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิดขึ้น เพราะตัณหาเป็นปัจจัย ๑
เพราะตัณหานั่นเองดับ เพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิดขึ้น เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ๑  
เพราะอุปาทานนั่นเองดับ เพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิดขึ้น เพราะความริเริ่มเป็นปัจจัย ๑  
เพราะการริเริ่มนั่นเองดับ เพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิดขึ้น เพราะอาหารเป็นปัจจัย ๑  
เพราะอาหารทั้งหมดนั่นเองดับ เพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด ๒

ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งทั้งหมดย่อมเกิดขึ้น เพราะความหวั่นไหวเป็นปัจจัย ๑
เพราะความหวั่นไหวทั้งหลายนั่นเองดับไปเพราะสำรอกโดยไม่เหลือ ทุกข์จึงไม่เกิด ๒

ความดิ้นรนย่อมมีแก่ผู้อันตัณหา ทิฐิ และมานะอาศัยแล้ว ๑  
ผู้ที่ตัณหา ทิฐิ และมานะไม่อาศัยแล้ว ย่อมไม่ดิ้นรน ๒

อรูปภพละเอียดกว่ารูปภพ ๑
นิโรธละเอียดกว่าอรูปภพ ๒

นาม-รูป โลกเห็นว่าเป็นของจริง พระอริยะเห็นว่าเป็นของเท็จ ๑
นิพพาน โลกเห็นว่าเป็นของเท็จ พระอริยะเห็นว่าเป็นของจริง ๒

อารมณ์ที่น่ายินดี โลกเห็นว่าเป็นสุข พระอริยะเห็นว่าเป็นทุกข์ ๑
นิพพาน โลกเห็นว่าเป็นทุกข์ พระอริยะเห็นว่าเป็นสุข ๒

ผู้พิจารณาเห็นธรรมเป็นธรรม ๒ อย่างโดยชอบเนือง ๆ อย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวอยู่ พึงหวังผล ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ อรหัตตผลในปัจจุบันนี้ หรือเมื่อยังมีความถือมั่นเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี

 

 

 

พระสูตร
ทวยตานุปัสสนาสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๕ ข้อ ๓๙๐-๔๐๗