Main navigation

สถานที่อันน่ารื่นรมย์

ว่าด้วย
พระขทิรวนิยเรวตเถระ
เหตุการณ์
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเรวตเถระผู้อยู่ป่าไม้สะแก

ท่านพระสารีบุตรผู้ละทรัพย์ ๘๗ โกฏิ ออกบวช แล้วชักชวนน้องสาว ๓ คน และน้องชาย ๒ คน ให้บวชแล้ว เหลือแต่เรวตะผู้เดียว ซึ่งพระสารีบุตรได้บอกกับภิกษุทั้งหลายว่า หากเรวตะมาขอบวช ให้บวชเสีย ท่านเป็นทั้งมารดาและบิดาของเรวตกุมารนั้น

ฝ่ายมารดาของพระสารีบุตรไม่ต้องการให้เรวตกุมารบวช จึงให้แต่งงาน ในงานแต่งงาน พวกญาติได้ให้พรเรวตกุมารว่า ขอให้เห็นธรรมที่ยายของเด็กหญิงเห็นแล้ว เมื่อเรวตกุมารเห็นว่าเด็กหญิงนั้นจะมีฟันหลุด ผมหงอก หนังเหี่ยว ตัวตกกระ หลังโกงเหมือนยาย จึงคิดว่าพระสารีบุตรคงเห็นเหตุนี้ จึงออกบวช 

เรวตกุมารออกอุบายหนีจากการแต่งงาน ไปยังสำนักของภิกษุ ๓๐ รูป แล้วขอบวช อยู่ในป่าไม้สะแกร่วมกับเหล่าภิกษุ ได้เรียนกัมมัฏฐาน บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลายในพรรษานั้น

เมื่อพระสารีบุตรทราบว่าน้องชายออกบวชแล้ว ได้ไปทูลขอพระศาสดาว่าจะไปเยี่ยมน้องชาย พระศาสดาก็บอกว่าให้รอก่อน 2-3 วัน เมื่อพระสารีบุตรไปทูลขออีกครั้ง พระศาสดาตรัสว่าให้รออีก 2-3 วัน จะทรงไปด้วย แล้วทรงเสด็จไปพร้อมภิกษุ ๕๐๐ รูป

เมื่อไปถึงทางสองแพร่ง ทางหนึ่งเป็นทางอ้อม ๖๐ โยชน์ เป็นที่อยู่ของมนุษย์ ทางหนึ่งเป็นทางตรง ๓๐ โยชน์ เป็นที่อยู่ของอมนุษย์ เมื่อพระศาสดาทรงทราบว่าพระสีวลีมาด้วย จึงให้ภิกษุทั้งหลายเดินทางตรง เหล่าภิกษุได้อาศัยบุญพระสีวลีผู้เดียวในการรับภัตจากเทวดาที่มาสักการะพระสีวลี ตลอดทางกันดาร ๓๐ โยชน์ 

เมื่อเรวตสามเณรทราบว่าพระผู้มีพระภาคเสด็จมาพร้อมภิกษุ ๕๐๐ ก็เนรมิตพระคันธกุฏีให้แก่พระผู้มีพระภาค เรือนยอด ๕๐๐ ที่จงกรม ๕๐๐ ที่พักกลางวัน ๕๐๐ ที่พักกลางคืน ๕๐๐ ให้แก่พระผู้มีพระภาคและภิกษุ ๕๐๐ รูป ในป่าไม้สะแกนั้น

พระผู้มีพระภาคประทับที่ป่าไม้สะแกนั้นเป็นเวลาเดือนหนึ่ง และอาศัยบุญของพระสีวลีตลอดเวลาที่พักในป่านั้น

ระหว่างนั้น ภิกษุ ๒ รูป ได้เกิดความความคิดว่า พระเรวตทำการก่อสร้างเห็นปานนั้นแล้วจะทำสมณธรรมได้อย่างไร พระศาสดาคงเห็นแก่หน้าพระสารีบุตรจึงเสด็จมาเยี่ยมพระเรวตะ เมื่อพระศาสดาทรงทราบวาระจิตของภิกษุ ๒ รูป นี้ จึงทรงอธิษฐานจิตให้ภิกษุ ๒ รูป นี้ลืมของ เมื่อภิกษุเหล่านี้เดินกลับไปเอาของ ก็พบแต่ป่าไม้สะแก และโดนหนามไม้สะแกตำ

เมื่อนางวิสาขาถามภิกษุสองรูปนี้ถึงสถานที่อยู่ของเรวตสามเณร ภิกษุ ๒ รูป ตอบว่า ไม่เป็นสถานที่น่ารื่นรมย์ เต็มไปด้วยไม้สะแกสีขาว เช่นกับที่อยู่ของพวกเปรต เมื่อนางวิสาขาถามภิกษุรูปอื่น ภิกษุเหล่านั้นตอบว่า ที่อยู่ของเรวตสามเณรน่ารื่นรมย์เปรียบด้วยเทวสภาชื่อ สุธรรมา ดุจตกแต่งขึ้นด้วยฤทธิ์

นางวิสาขาจึงไปถามพระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาคตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า

พระอรหันต์ทั้งหลายอยู่ในที่ใด เป็นบ้านก็ตาม เป็นป่าก็ตาม ที่ลุ่มก็ตาม ที่ดอนก็ตาม ที่นั้นเป็นภูมิสถานน่ารื่นรมย์ 

ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผล มีโสดาปัตติผล เป็นต้น

ในวันรุ่งขึ้น เหล่าภิกษุคุยกันว่า เรวตสามเณรผู้เดียวสร้างเรือนยอด ๕๐๐ เพื่อภิกษุ ๕๐๐ รูป ช่างมีลาภจริง มีบุญจริง

เมื่อพระศาสดาทรงทราบเรื่อง ได้ตรัสว่า บุตรของเราไม่มีบุญ ไม่มีบาป เพราะบุญและบาปทั้งสองเธอละเสียแล้ว

แล้วตรัสพระคาถาว่า

บุคคลใดในโลกนี้ล่วงเครื่องข้อง ๒ อย่าง คือ บุญและบาป เราเรียกบุคคลนั้น ผู้ไม่โศก ปราศจากกิเลสเพียงดังธุลี ผู้หมดจดว่า เป็นพราหมณ์



อ่าน พระขทิรวนิยเรวตเถระ
อ่าน คาถาธรรมบท อรหันตวรรค

 

อ้างอิง
พระขทิรวนิยเรวตเถระ พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏ เล่มที่ ๔๑ หน้า ๓๙๘-๔๑๑
ลำดับที่
11

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ