Main navigation

โลหิจจสูตร

ว่าด้วย
ผู้มีทวารอันคุ้มครองแล้ว
เหตุการณ์
พระมหากัจจายณะกล่าวคาถาว่าด้วย ทางแห่งการถึงความเป็นพรหม ให้แก่มาณพผู้เป็นศิษย์ของโลหิจจพราหมณ์ โลหิจจพราหมณ์จึงมาไต่ถามท่านพระมหากัจจายนะและถามว่า ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร บุคคลจึงชื่อว่าเป็นผู้มีทวารอันไม่คุ้มครองแล้ว เมื่อพระมหากัจจยนะแสดงธรรมจบ โลหิจจพราหมณ์แสดงตนเป็นอุบาสก ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ

ท่านพระมหากัจจายนะได้กล่าวคาถาว่าด้วย ทางแห่งการถึงความเป็นพรหม ว่า

พราหมณ์เหล่าใดระลึกถึงธรรมของพราหมณ์ดั้งเดิมได้ พราหมณ์เหล่านั้นเป็นผู้สูงสุดโดยศีล เป็นผู้ก่อนกว่า ทวารทั้งหลายย่อมเป็นอันพราหมณ์เหล่านั้นคุ้มครองแล้ว รักษาดีแล้ว

เพราะครอบงำความโกรธเสียได้ พราหมณ์เหล่านั้นเป็นผู้ประพฤติในธรรม (กุศลกรรมบถ) และในฌาน

พราหมณ์เหล่าใดละเลยธรรมข้อนี้ เป็นผู้เมาด้วยโคตรว่า พวกเราผู้อันความโกรธครอบงำแล้ว ผู้มีอาชญาในตนมากมาย ผู้ประพฤติผิดในสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่สะดุ้งและมั่นคง จึงประพฤติไม่สม่ำเสมอ การสมาทานวัตรทั้งปวง คือ การไม่กิน การนอนบนหนาม การอาบน้ำในเวลาเช้า พระเวท ๓ ของบุคคลผู้ไม่คุ้มครองทวาร เป็นการเปล่าผล

การกล่าวสรรเสริญบริขารภัณฑ์ การหมักหมมมูลฟัน มนต์ ศีลพรตที่กล่าวว่าเป็นตบะ การล่อลวง ไม้เท้าอันคด และการประพรมน้ำที่กล่าวว่าเป็นความรู้ของพวกพราหมณ์  เป็นการบำเพ็ญเพื่ออามิส 

ส่วนจิตอันตั้งมั่นดีแล้ว อันผ่องใส ไม่หม่นหมอง ไม่เหี้ยมโหดในสัตว์ทั้งปวง ข้อนั้นเป็นทางแห่งการถึงความเป็นพรหม 

ท่านพระมหากัจจายนะตอบคำถามโลหิจจพราหมณ์ "ด้วยเหตุมีประมาณเท่าไร บุคคลจึงชื่อว่าเป็นผู้มีทวารอันไม่คุ้มครองแล้ว"

บุคคลชื่อว่าเป็นผู้มีทวารอันไม่คุ้มครองแล้ว เมื่อ

เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว
ยินดีในรูปที่น่ารัก
ยินร้ายในรูปที่ไม่น่ารัก

ฟังเสียงด้วยหูแล้ว
ยินดีในเสียงที่น่ารัก 
ยินร้ายในเสียงที่ไม่น่ารัก

สูดกลิ่นด้วยจมูกแล้ว
ยินดีในกลิ่นที่น่ารัก  
ยินร้ายในกลิ่นที่ไม่น่ารัก

ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว
ยินดีในรสที่น่ารัก 
ยินร้ายในรสที่ไม่น่ารัก

ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว
ยินดีในโผฏฐัพพะที่น่ารัก 
ยินร้ายในโผฏฐัพพะที่ไม่น่ารัก

รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว
ยินดีในธรรมารมณ์อันน่ารัก 
ยินร้ายในธรรมารมณ์อันไม่น่ารัก

มีสติอันไม่เข้าไปตั้งไว้แล้ว มีจิต มีอารมณ์อันน้อยอยู่ และไม่รู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ตามความเป็นจริง โดยประการที่อกุศลธรรมอันลามกเหล่านั้น บังเกิดขึ้นแล้วแก่บุคคลนั้น ไม่ดับไป หาส่วนเหลือมิได้

ภิกษุชื่อว่าเป็นผู้มีทวารอันคุ้มครองแล้ว เมื่อ

เห็นรูปด้วยจักษุแล้ว
ไม่ยินดีในรูปที่น่ารัก 
ไม่ยินร้ายในรูปที่ไม่น่ารัก

ฟังเสียงด้วยหูแล้ว
ไม่ยินดีในเสียงที่น่ารัก 
ไม่ยินร้ายในเสียงที่ไม่น่ารัก

สูดกลิ่นด้วยจมูกแล้ว
ไม่ยินดีในกลิ่นที่น่ารัก 
ไม่ยินร้ายในกลิ่นที่ไม่น่ารัก

ลิ้มรสด้วยลิ้นแล้ว
ไม่ยินดีในรสที่น่ารัก 
ไม่ยินร้ายในรสที่ไม่น่ารัก

ถูกต้องโผฏฐัพพะด้วยกายแล้ว
ไม่ยินดีในโผฏฐัพพะที่น่ารัก 
ไม่ยินร้ายในโผฏฐัพพะที่ไม่น่ารัก

รู้แจ้งธรรมารมณ์ด้วยใจแล้ว
ไม่ยินดีในธรรมารมณ์อันน่ารัก 
ไม่ยินร้ายในธรรมารมณ์อันไม่น่ารัก

มีสติอันเข้าไปตั้งไว้แล้ว มีจิต มีอารมณ์หาประมาณมิได้อยู่ และรู้ชัดซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ ตามความเป็นจริง โดยประการที่อกุศลธรรมทั้งหลายอันลามกบังเกิดขึ้นแล้วแก่ภิกษุนั้น ดับไปโดยหาส่วนเหลือมิได้

 

อ่าน โลหิจจสูตร

อ้างอิง
โลหิจจสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๘ ข้อที่ ๒๐๕-๒๐๙ หน้า ๑๒๐-๑๒๓
ลำดับที่
6

สถานการณ์

การตอบปัญหาธรรม

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ