Main navigation

พระสุทินน์กลันทบุตร ปฐมปาราชิก

เหตุการณ์
ประวัติพระสุทินน์และเหตุการณ์ที่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติปฐมปาราชิกสิกขาบท

 

ณ ตำบลกลันทะ ใกล้พระนครเวสาลี เศรษฐีบุตรชื่อ สุทินน์ ไปธุระในพระนครเวสาลีกับสหายหลายคน ได้เห็นพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมท่ามกลางบริษัทหมู่ใหญ่ แล้วตรึกว่า ทำอย่างไรตนจึงจะได้ฟังธรรมบ้าง แล้วก็เดินไปนั่งท่ามกลางบริษัทนั้น แล้วรำพึงว่า ด้วยวิธีอะไรตนจึงจะรู้ทั่วถึงธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้ว บุคคลที่ยังครองเรือนอยู่ จะประพฤติพรหมจรรย์นี้ให้บริบูรณ์ ให้บริสุทธิ์ ทำไม่ได้ง่าย ตนพึงออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต

เมื่อบริษัทนั้นหลีกไปแล้ว สุทินน์กลันทบุตรเดินเข้าไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่าตนปรารถนาจะบวช ขอพระผู้มีพระภาคทรงโปรดให้ตนบวช

พระผู้มีพระภาคตรัสถามสุทินน์กลันทบุตรว่า มารดาบิดาอนุญาตให้บวชแล้วหรือ เมื่อสุทินน์กลันทบุตรกราบทูลว่ายังไม่ได้อนุญาต พระผู้มีพระภาคตรัสว่าพระตถาคตทั้งหลายย่อมไม่บวชบุตรที่มารดาบิดายังมิได้อนุญาต

สุทินน์กลันทบุตรเสร็จธุระในพระนครเวสาลีนั้นแล้วกลับสู่กลันทคามเข้าหามารดาบิดา ขอมารดาบิดาอนุญาตให้ตนบวช

มารดาบิดาของเขากล่าวว่า สุทินน์กลันทบุตรเป็นบุตรคนเดียว เป็นที่รัก เป็นผู้เจริญมาด้วยความสุข พี่เลี้ยงนางนมประคบประหงมมาด้วยความสุข ไม่รู้จักความทุกข์สักน้อย แม้สุทินน์กลันทบุตรจะตายมารดามิดาก็ไม่ปรารถนาจะจาก เหตุไฉนจักอนุญาตให้ผู้ยังมีชีวิตอยู่ออกบวชได้

แม้ครั้งที่สอง แม้ครั้งที่สาม มารดาบิดาก็กล่าวเช่นเดิม เมื่อสุทินน์กลันทบุตรแน่ใจว่ามารดาบิดาไม่อนุญาตให้ออกบวช จึงนอนลงบนพื้นที่ไม่มีเครื่องลาด ณ ที่นั้น ด้วยตัดสินใจว่า การตายหรือการบวชจักมีแก่ตนในสถานที่นี้ สุทินน์กลันทบุตรไม่บริโภคอาหารแม้เจ็ดมื้อ มารดาบิดาก็ไม่อนุญาต กล่าวคำเดิม แล้วบอกให้สุทินน์กลันทบุตรลุขึ้นกิน ดื่ม รื่นเริง บริโภคกาม ทำบุญอยู่ พวกเขาไม่อนุญาตให้ออกบวช

เมื่อมารดาบิดากล่าวอย่างนี้แล้ว สุทินน์กลันทบุตรได้นิ่ง

แม้ครั้งที่สอง แม้ครั้งที่สาม สุทินน์กลันทบุตรก็นิ่ง

พวกสหายของสุทินน์กลันทบุตร ก็ได้เข้าไปหาสุทินน์กลันทบุตร บอกให้สุทินน์กลันทบุตรกิน ดื่ม รื่นเริง บริโภคกาม ทำบุญอยู่ มารดาบิดาไม่อนุญาตให้บวช

เมื่อสหายกล่าวอย่างนี้แล้ว สุทินน์กลันทบุตรได้นิ่ง

แม้ครั้งที่สอง แม้ครั้งที่สาม สุทินน์กลันทบุตรก็นิ่ง

เมื่อไม่สำเร็จ พวกสหายจึงเข้าไปหามารดาบิดาของสุทินน์กลันทบุตร กล่าวว่า สุทินน์ตัดสินใจว่าจะตายหากไม่ได้บวช ถ้ามารดาบิดาไม่อนุญาตให้บวช เขาก็จะตาย ถ้าอนุญาตให้บวช ก็จะได้เห็นสุทินน์แม้บวชแล้ว ถ้าสุทินน์จะไม่ยินดีในการบวช ก็จะกลับมาเอง ขอมารดาบิดาอนุญาตให้สุทินน์บวช มารดาบิดาจึงยินยอมให้สุทินน์กลันทบุตรบวช

สุทินน์กลันทบุตรออกบวช

พวกสหายจึงไปบอกสุทินน์ว่ามารดาบิดาอนุญาตให้บวชแล้ว สุทินน์กลันทบุตรก็ร่าเริงดีใจ เยียวยากำลังอยู่สองสามวัน แล้วไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคกราบทูลว่ามารดาบิดาอนุญาตให้บวชแล้ว

ท่านพระสุทินน์อุปสมบทแล้วไม่นาน ประพฤติสมาทานธุดงคคุณเห็นปานนี้ คือ เป็นผู้ถืออรัญญิกธุดงค์ ปิณฑปาติกธุดงค์ ปังสุกูลิกธุดงค์ สปทานจาริกธุดงค์ พำนักอยู่ใกล้หมู่บ้านชาววัชชีตำบลหนึ่ง

สมัยนั้น วัชชีชนบทอัตคัดอาหาร ประชาชนหาเลี้ยงชีพฝืดเคือง มีกระดูกคนตายขาวเกลื่อน ต้องมีสลากซื้ออาหาร ภิกษุสงฆ์จะยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการถือบาตรแสวงหาก็ทำไม่ได้ง่าย ท่านพระสุทินน์จึงคิดว่าญาติของตนในนครเวสาลีมีมากล้วนเป็นคนมั่งคั่ง ตนพึงเข้าไปพำนักอยู่ใกล้หมู่ญาติ หมู่ญาติก็จะได้อาศัยตนให้ทานทำบุญ และภิกษุทั้งหลายก็จักได้ลาภ ทั้งตนเองก็จักไม่ลำบากด้วยบิณฑบาต

ท่านพระสุทินน์จึงเก็บเสนาสนะ ถือบาตรจีวร เที่ยวจาริกไปโดยลำดับ ถึงพระนครเวสาลี พำนักอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ป่ามหาวัน เขตพระนครเวสาลีนั้น

บรรดาญาติของท่านพระสุทินน์ ได้ทราบข่าวว่า พระสุทินน์กลันทบุตรกลับมาสู่พระนครเวสาลี จึงนำภัตตาหารมีประมาณ ๖๐ หม้อไปถวายท่านพระสุทินน์ พระสุทินน์สละภัตตาหารนั้นถวายแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วครองอันตรวาสกถือบาตรจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังกลันทคาม เที่ยวบิณฑบาตไปตามลำดับตรอก ใกล้จะถึงเรือนบิดาของตน ก็พอดีทาสีของญาติท่านพระสุทินน์กำลังจะเทขนมสดที่ค้างคืน ท่านพระสุทินน์ได้กล่าวว่า ถ้าของนั้นจะต้องทิ้งไป ขอนางทาสีจงเกลี่ยลงในบาตรของตน ขณะที่นางกำลังเกลี่ยขนมสดที่ค้างคืนลงในบาตร นางจำเค้ามือ เท้าและเสียงของพระสุทินน์ได้ จึงรีบเข้าไปหามารดาของท่านพระสุทินน์แจ้งว่าพระสุทินน์บุตรคุณนายกลับมาแล้ว

ขณะที่ท่านพระสุทินน์กำลังอาศัยพะไลเรือนแห่งหนึ่งฉันขนมสดที่ค้างคืน บิดาของท่านพระสุทินน์เดินกลับมาจากที่ทำงาน เห็นท่านพระสุทินน์ จึงเดินเข้าไปหาท่านพระสุทินน์ แล้วกล่าวว่า พ่อสุทินน์จักฉันขนมสดที่ค้างคืนหรือ พ่อสุทินน์ พ่อควรไปเรือนของตนมิใช่หรือ

พระสุทินน์ตอบว่าขนมสดที่ค้างคืนนี้ได้มาจากเรือนของบิดา

บิดาของท่านพระสุทินน์จับแขนท่าน แล้วพาไปเรือนให้ฉัน

พระสุทินน์กล่าว่าภัตกิจในวันนี้ตนทำเสร็จแล้ว

บิดาจึงอาราธนาพระสุทินน์ให้รับนิมนต์ฉันภัตตาหารในวันรุ่งขึ้น

บิดาวิงวอนให้สึก

มารดาของท่านพระสุทินน์สั่งให้ไล้ทาพื้นแผ่นดินด้วยโคมัยสด ให้จัดทำกองทรัพย์ไว้สองกองใหญ่ขนาดที่คนที่ยืนอยู่ข้างหนึ่งไม่เห็นคนที่ยืนอยู่อีกข้างหนึ่ง คือเงินกอง ๑ ทองกอง ๑ เป็นกองใหญ่ กระทั่งให้ปิดกองทรัพย์เหล่านั้นด้วยลำแพน ให้จัดอาสนะไว้ในท่ามกลาง ให้แวดวงด้วยม่าน แล้วเรียกปุราณทุติยิกาของท่านพระสุทินน์มาสั่งว่า สุทินน์จะมา จงแต่งกายด้วยเครื่องประดับที่จะทำให้พระสุทินน์เกิดความรักใคร่พอใจ

เช้าวันนั้น เมื่อท่านพระสุทินน์เข้าไปสู่เรือนบิดาของตน แล้วนั่งบนอาสนะที่เขาจัดถวาย บิดาของท่านพระสุทินน์ให้คนเปิดกองทรัพย์เหล่านั้นออก แล้วกล่าวว่านี้เป็นทรัพย์ที่ได้มาทางฝ่ายมารดา ส่วนของบิดาต่างหาก ส่วนของปู่ต่างหาก ขอพระสุทินน์กลับมาเป็นคฤหัสถ์ จะได้ใช้สอยโภคสมบัติและบำเพ็ญบุญ

ท่านพระสุทินน์ตอบว่าตนยังยินดีประพฤติพรหมจรรย์อยู่

แม้ครั้งที่สอง ท่านพระสุทินน์ก็ตอบเช่นเดิม

ในครั้งที่สาม ท่านพระสุทินน์ขอให้บิดาทำกระสอบป่านใหญ่ๆ บรรจุเงินและทองให้เต็มบรรทุกเกวียนไป แล้วให้จมลงในแม่น้ำคงคา เพราะความกลัวก็ดี ความหวาดเสียวก็ดี ความขนพองสยองเกล้าก็ดี การเฝ้ารักษาก็ดี อันมีทรัพย์นั้นเป็นเหตุ ที่จักเกิดแก่บิดานั้น จักไม่มีเลย

เมื่อท่านพระสุทินน์กล่าวอย่างนี้ บิดาของท่านไม่พอใจ จึงเรียกปุราณทุติยิกาของท่านพระสุทินน์มาคุย บางทีท่านพระสุทินน์จะพึงทำตามคำของนางบ้าง นางจึงได้จับเท้าท่านพระสุทินน์ถามว่า นางอัปสรที่เป็นเหตุให้ท่านประพฤติพรหมจรรย์ชื่ออะไร

เมื่อท่านพระสุทินน์ตอบว่าไม่ได้ประพฤติพรหมจรรย์เพราะเหตุแห่งนางอัปสรเลย นางน้อยใจว่าท่านพระสุทินน์เรียกตนว่า น้องหญิง ในวันนี้เป็นครั้งแรก แล้วสลบล้มลงในที่นั้นเอง

ท่านพระสุทินน์จึงกล่าวกับบิดาว่าถ้าโภชนะที่จะให้มีอยู่ ก็จงให้เถิด อย่ารบกวนท่านเลย

มารดาบิดาได้อังคาสท่านพระสุทินน์ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีตด้วยมือของตน แล้วมารดาของท่านพระสุทินน์ก็กล่าวว่าสกุลนี้มั่งคั่ง มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีทองและเงินมาก มีข้าวเปลือกมาก ท่านพระสุทินน์ควรกลับมาเป็นคฤหัสถ์ จะได้ใช้สอยโภคสมบัติและบำเพ็ญบุญ ขอท่านพระสุทินน์กลับมาเป็นคฤหัสถ์ ใช้สอยโภคสมบัติและบำเพ็ญบุญ

ท่านพระสุทินน์กล่าวว่าตนไม่สามารถ ตนยังยินดีประพฤติพรหมจรรย์อยู่

แม้ครั้งที่สอง พระสุทินน์ก็ตอบเช่นเดิม

ในครั้งที่สาม มารดาของท่านพระสุทินน์ขอให้ท่านพระสุทินน์ให้พืชพันธุ์ไว้บ้าง พวกเจ้าลิจฉวีจะได้ไม่ริบทรัพย์สมบัติของสกุลที่หาบุตรผู้สืบสกุลไม่ได้ไปเสีย

ท่านพระสุทินน์กล่าว่าเรื่องนี้ตนพอจะทำได้

หลังจากนั้น มารดาของท่านพระสุทินน์สั่งกำชับปุราณทุติยิกาของท่านพระสุทินน์ว่าเมื่อนางมีระดูให้บอกกับตน

เมื่อนางมีระดูแล้ว มารดาของท่านพระสุทินน์ให้นางแต่งตัวด้วยเครื่องประดับที่จะทำให้ท่านพระสุทินน์เกิดความรักใคร่พอใจ มารดาของท่านพระสุทินน์พานางเข้าไปหาท่านพระสุทินน์ที่ป่ามหาวัน แล้วขอให้ท่านพระสุทินน์กลับมาเป็นคฤหัสถ์ เมื่อท่านพระสุทินน์ไม่ยินยอม ก็ขอให้ท่านพระสุทินน์ให้พืชพันธุ์

เสพเมถุนธรรม

ท่านพระสุทินน์จึงพานางปุราณทุติยิกาเข้าป่ามหาวัน เป็นผู้มีความเห็นว่าไม่มีโทษ เพราะสิกขาบทยังมิได้ทรงบัญญัติ จึงเสพเมถุนธรรมกับปุราณทุติยิกา ๓ ครั้ง นางได้ตั้งครรภ์เพราะอัฌาจารนั้น

เหล่าเทพกระจายเสียง

เหล่าภุมเทพกระจายเสียงว่าพระสุทินน์กลันทบุตรก่อเสนียดขึ้นแล้ว ก่อโทษขึ้นแล้ว เทพชั้นจาตุมหาราช ได้สดับเสียงเหล่าภุมเทพแล้วกระจายเสียงต่อไป เทพชั้นดาวดึงส์ เทพชั้นยามา เทพชั้นดุสิต เทพชั้นนิมมานรดี เทพชั้นปรนิมมิตวสวดี เทพที่นับเนื่องในหมู่พรหมได้สดับเสียงแล้วกระจายเสียงกันต่อ ๆ ไปว่า พระสุทินน์กลันทบุตรก่อเสนียดขึ้นแล้ว ก่อโทษขึ้นแล้ว โดยครู่หนึ่งนั้น เสียงได้กระจายขึ้นไปถึงพรหมโลกด้วยอาการอย่างนี้

เมื่อปุราณทุติยิกาของท่านพระสุทินน์คลอดบุตรแล้ว พวกสหายของท่านพระสุทินน์ได้ตั้งชื่อทารกนั้นว่า พีชกะ ตั้งชื่อปุราณทุติยิกาของท่านพระสุทินน์ว่า พีชกมาตา ตั้งชื่อท่านพระสุทินน์ว่า พีชกปิตา ภายหลังภรรยาและบุตรได้ออกบวช ทำให้แจ้งซึ่งพระอรหัต

พระสุทินน์เกิดวิปฏิสาร

ครั้งนั้น ความรำคาญ ความเดือดร้อน ได้เกิดแก่ท่านพระสุทินน์ว่า มิใช่ลาภของเราหนอ ลาภของเราไม่มีหนอ เราได้ชั่วแล้วหนอ เราไม่ได้ดีแล้วหนอ เพราะเราบวชในพระธรรมวินัยที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีอย่างนี้แล้ว ยังไม่สามารถประพฤติพรหมจรรย์ ให้บริบูรณ์บริสุทธิ์ได้ตลอดชีวิต เพราะความรำคาญนั้นแหละ

เพราะความเดือดร้อนนั้น ท่านซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้น ๆ มีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยเอ็น มีเรื่องในใจ มีใจหดหู่ มีทุกข์โทมนัส มีวิปฏิสาร ซบเซา

บรรดาภิกษุที่เป็นสหายของท่านพระสุทินน์กล่าวกะท่านพระสุทินน์ว่า เมื่อก่อนท่านเป็นผู้มีผิวพรรณ มีอินทรีย์สมบูรณ์ มีสีหน้าสดใส มีฉวีวรรณผุดผ่อง มีน้ำมีนวล บัดนี้ ท่านซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณคล้ำ มีผิวเหลืองขึ้น ๆ มีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยเอ็น มีเรื่องในใจ มีใจหดหู่ มีทุกข์โทมนัส มีวิปฏิสาร ซบเซาอยู่ ท่านไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์หรือ

ท่านพระสุทินน์กล่าว่ามิใช่ว่าตนจะไม่ยินดีประพฤติพรหมจรรย์ เพราะบาปกรรมที่ตนทำไว้มีอยู่ ตนได้เสพเมถุนธรรมในปุราณทุติยิกา จึงได้มีความรำคาญ ความเดือดร้อนว่าตนยังไม่สามารถประพฤติพรหมจรรย์ให้บริบูรณ์บริสุทธิ์ได้ตลอดชีวิต

บรรดาภิกษุกล่าวว่าธรรมอันพระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วโดยอเนกปริยาย เพื่อคลายความกำหนัด ไม่ใช่เพื่อมีความกำหนัด เพื่อความพราก ไม่ใช่เพื่อความประกอบ เพื่อความไม่ถือมั่น ไม่ใช่
เพื่อมีความถือมั่น ท่านพระสุทินน์ยังจะคิดเพื่อมีความกำหนัด เพื่อความประกอบ เพื่อมีความถือมั่น

ธรรมอันพระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วโดยอเนกปริยาย เพื่อเป็นที่สำรอกแห่งราคะ เพื่อเป็นที่สร่างแห่งความเมา เพื่อเป็นที่ดับสูญแห่งความระหาย เพื่อเป็นที่หลุดถอนแห่งอาลัย เพื่อเป็นที่เข้าไปตัดแห่งวัฏฏะ เพื่อเป็นที่สิ้นแห่งตัณหา เพื่อคลายความกำหนัด เพื่อความดับทุกข์ เพื่อนิพพาน

การละกาม การกำหนดรู้ความหมายในกาม การกำจัดความระหายในกาม การเพิกถอนความตรึกอันเกี่ยวด้วยกาม การระงับความกลัดกลุ้มเพราะกาม พระผู้มีพระภาคตรัสบอกไว้แล้วโดยอเนกปริยาย

การกระทำของท่านพระสุทินน์ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใสหรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้ การกระทำของนั่น เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว

ภิกษุสหายเหล่านั้นติเตียนท่านพระสุทินน์โดยอเนกปริยายดังนี้แล้ว ได้กราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระผู้มีพระภาค

ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท

พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามท่านพระสุทินน์ว่าจริงหรือ

เมื่อท่านพระสุทินน์ตอบว่าจริง พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า

การกระทำของนั่นไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ เธอบวชในธรรมวินัยที่เรากล่าวไว้ดีอย่างนี้แล้ว ไฉนจึงไม่สามารถประพฤติพรหมจรรย์ให้บริบูรณ์บริสุทธิ์ได้ตลอดชีวิตเล่า องค์กำเนิดที่สอดเข้าในปากอสรพิษที่มีพิษร้าย ยังดีกว่าองค์กำเนิดที่สอดเข้าในองค์กำเนิดของมาตุคาม องค์กำเนิดที่สอดเข้าในปากงูเห่ายังดีกว่าองค์กำเนิดที่สอดเข้าในองค์กำเนิดของมาตุคาม องค์กำเนิดที่เธอสอดเข้าในหลุมถ่านที่ไฟติดลุกโชนยังดีกว่าองค์กำเนิดที่สอดเข้าในองค์กำเนิดของมาตุคาม เพราะบุคคลผู้สอดองค์กำเนิดเข้าในปากอสรพิษเป็นต้นนั้น พึงถึงความตาย หรือความทุกข์เพียงแค่ตาย ซึ่งมีการกระทำนั้นเป็นเหตุและเพราะการกระทำนั้นเป็นปัจจัย เมื่อตายไป ไม่พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

ส่วนบุคคลผู้ทำการสอดองค์กำเนิดเข้าในองค์กำเนิดของมาตุคามนั้น เมื่อตายไป พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาตนรก ซึ่งมีการกระทำนี้เป็นเหตุ

เมื่อการกระทำนั้น มีโทษอยู่ เธอยังชื่อว่าได้ต้องอสัทธรรม อันเป็นเรื่องของชาวบ้าน เป็นมรรยาทของคนชั้นต่ำ อันชั่วหยาบ มีน้ำเป็นที่สุด มีในที่ลับ เป็นของคนคู่ อันคนคู่พึงร่วมกันเป็นไป เธอเป็นคนแรกที่กระทำอกุศลธรรม เป็นหัวหน้าของคนเป็นอันมาก

การกระทำของนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว โดยที่แท้ การกระทำของนั่น เป็นไปเพื่อความไม่เลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส และเพื่อความเป็นอย่างอื่นของชนบางพวกที่เลื่อมใสแล้ว

พระผู้มีพระภาคทรงติเตียนท่านพระสุทินน์โดยอเนกปริยายดังนี้แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคนบำรุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่สะสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย ทรงกระทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้นแก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า

เพราะเหตุนั้น จักทรงบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ

เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑
เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อยาก ๑
เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑
เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑
เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑
เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑
เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑
เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑
เพื่อถือตามพระวินัย ๑

พระปฐมบัญญัติ

ก็ภิกษุใดเสพเมถุนธรรม เป็นปาราชิก หาสังวาสมิได้

 

 

อ่าน ปฐมปาราชิกสิกขาบท

 

อ้างอิง
ปฐมปาราชิกสิกขาบท พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑ ข้อที่ ๑๐-๒๐
ลำดับที่
4

อารมณ์

กามกำเริบ

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ