Main navigation

พระพุทธรูปทำไมมีหลายชื่อ และทำไมจึงศักดิ์สิทธิ์

ถาม :

พระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าให้เรายึดเหนี่ยวใช่ไหมคะ แล้วทำไมพระพุทธรูปถึงจะต้องมีหลาย ๆ ชื่อ เช่น มีพระพุทธชินราช พระพุทธโสธร ถือว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน หรือเป็นปัจเจกพระพุทธเจ้าหลาย ๆ พระองค์คะ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :  

พระพุทธเจ้าทั้งหมดจากทุกกาแล็กซีซึ่งไปอยู่ในพระนิพพานแล้วนับไม่ถ้วน แต่เฉพาะที่ตรัสรู้ในโลกนี้มีแล้วทั้งสิ้น ๒๘ พระองค์ และจะมีไปจนครบ ๖๔ พระองค์ โลกนี้ก็ไม่สามารถตั้งอยู่ได้ หมดอายุขัย ดังนั้น ยังมีพระพุทธเจ้าในอนาคตในโลกนี้อีก ๓๖ พระองค์ มีเยอะพอที่จะบรรลุธรรมได้ทัน แต่ก็ไม่เยอะพอที่จะให้เหลวไหล ให้ตั้งใจปฏิบัติตั้งแต่เดี๋ยวนี้เป็นต้นไป

ทำไมตั้งชื่อพระพุทธเจ้าหลายชื่อ ก็ต้องไปถามคนตั้งว่า ท่านตั้งมาด้วยเหตุผลอันใด ทำไมต้องมีชื่อต่าง ๆ กัน ผมไม่ได้ตั้ง ตอบไม่ได้

แต่ถ้าไม่อยากเวียนหัว ก็เรียกพระพุทธเจ้า หรือพระผู้มีพระภาคกลาง ๆ ก็ได้ หมายถึงทุกพระองค์ หรือระบุไปเลยว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็ดี
 
ถาม

อย่างเซียนเล่นพระเค้าจะบอกว่าพระที่มีพุทธคุณ เช่น เบญจภาคี ก็จะแคล้วคลาดอะไรประมาณนี้ จริง ๆ แล้วเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า หรือว่าคนยึดถือเชื่อมั่นกันไปเอง

อาจารย์ไชย ณ พล


คือมันเป็นมติของสวรรค์ว่า ถ้ามีใครสร้างรูปพระพุทธเจ้าขึ้นมาด้วยเจตนาอันถูกต้อง ด้วยวิธีการอันชอบ ให้เทวดาไปอารักขาอย่างน้อยหนึ่งองค์ อารักขาพระพุทธรูป ด้วยเหตุนี้ เวลาเราไปบูชาพระตามวัดต่าง ๆ บางทีก็ได้ตามที่เราขอเพราะเทวดาที่ดูแลพระพุทธรูปให้พร ต่อมาก็มีคนหัวใส แทนที่จะไปหาพระที่วัด ก็เอาพระมาไว้ที่บ้านดีกว่า ก็เลยจำลองพระมาเป็น ๙ นิ้ว ๕ นิ้ว บางคนบอกบางทีเราเดินทาง พระไม่ไปกับเรา เอามาทำเป็นองค์เล็ก ๆ ห้อยคอดีกว่า ถ้าทำถูกต้องชอบธรรมจริง ๆ เทวดาท่านก็จะดูแล ที่ศักดิ์สิทธิ์เพราะเทวดาเนรมิตให้

คราวนี้เทวดาจะเนรมิตให้ก็ต้องดูว่า

1) เราศรัทธาจริงหรือเปล่า
2) เราปฏิบัติศีลเหมาะสมหรือเปล่า
3) เรามีกรรมประมาณไหน

ท่านก็จะพยายามจัดสรรเอื้ออำนวย เหมือนคนเป็นแฟนคลับเดียวกัน ก็สงเคราะห์กัน

พุทธานุภาพเป็นอจินไตยมีอยู่ตลอดเวลา เพราะพุทธานุภาพจึงเกิดพุทธคุณ คือ เทวดาจัดระบบดูแลพระพุทธรูป จึงขึ้นอยู่กับเทวดา ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเบญจภาคี พวกที่ตั้งใจทำเป็นพุทธบูชาจริง ๆ ท่านก็ดูแล แต่ถ้าทำเพื่อการค้า ท่านไม่สน เพราะท่านไม่ได้ใช้เงิน ดังนั้น พวกที่ทำเพื่อการค้าล้วน ๆ ไม่มีอานุภาพอะไร
 
ถาม

แล้วพวกเรามีเทพอารักขาไหมคะ

อาจารย์ไชย ณ พล

ระบบอารักขาเป็นระบบอาสาสมัคร เหมือนตอนเราเกิดก็จะมีระบบอาสาสมัครมาดูแลเรา เรียกว่า Guardian Angel หรือเทพอารักขา คือเนื่องจากบนสวรรค์มีจำนวนเทวดาเยอะมาก พระพุทธเจ้าเปรียบอย่างนี้ ถ้าจำนวนมนุษย์ทั้งโลกเท่ากับมะขวิด (ประมาณแคนตาลูป) หนึ่งกระบุง จำนวนเทวดาบนสวรรค์เท่ากับเมล็ดงาหนึ่งกระบุง กี่เท่าล่ะ เอาเมล็ดงากี่เมล็ดใส่เข้าไปในลูกแคนตาลูปหนึ่งลูก เปรียบเทียบกันอย่างนั้น แล้วเทวดาทุกคนสบายหมด ใครอยากไปไหน นึกปุ๊บก็ไปเลย อยากแต่งตัวยังไงนึกปุ๊บก็เป็นอย่างนั้นเลย สำเร็จด้วยอำนาจใจ ทุกคนสุขสบายได้ดังใจหมด เทวดาเลยไม่ค่อยมีโอกาสทำความดีแก่กันและกัน ยกเว้นปฏิบัติธรรมและเรียนสัจธรรม นอกนั้นไม่มีโอกาสไปช่วยอะไรกัน และเมื่อหมดอายุเทวดา ก็จะต้องไปเกิดตามที่ต่าง ๆ เมื่อท่านสุขสบายอยู่นั้น ก็เลยคิดว่าจะทำอย่างไรเราจึงจะได้มีโอกาสทำความดีมาต่ออายุตัวเอง หรือตายแล้วก็ได้ให้อยู่บนสวรรค์ต่อไม่ต้องลงมาโลกมนุษย์หรืออบาย โลกมนุษย์นี่ถือเป็นอบายของสวรรค์ คือ ต่ำกว่าสวรรค์

ดังนั้น จะทำความดีบนสวรรค์อย่างไร มนุษย์นี่เองที่พอใกล้เราและพอช่วยได้ ก็มาอาสาสมัครช่วยมนุษย์อย่างเป็นระบบ ก็คือมาเข้าคิวเป็นเทพอารักขา เค้าก็จะจัดสรรให้ว่าตอนนี้จะมีเด็กเกิดที่นี่ ใครบ้างที่เคยมีความสัมพันธ์กับเด็กคนนี้มาก่อน เป็นปู่ย่าตายาย เป็นเพื่อน เป็นคนรัก เป็นครูบาอาจารย์ เป็นอะไรก็แล้วแต่ ถ้ามี ๑๐ องค์ก็ดูว่าใครบ้างที่มีสภาวะจิตใกล้เคียงกับเด็กคนนี้ อ้าวท่านนี้ ดูแลเด็กคนนี้ เป็น assignment ด้วยระบบอาสาสมัคร เป็น volunteer

เราจะสังเกตได้ว่าเด็กเวลาเกิดใหม่ ๆ เค้าจะบอกเห็นโน่นเห็นนี่ ลาวเรียกว่าแม่ซื้อ ฝรั่งเรียกว่า Gaudian Angel คนไทยเรียกว่าเทพอารักขา แล้วแต่จะเรียกกันไป เด็กทารกมักจะเห็นหัวร่อต่อกระซิกเล่นกันได้เป็นธรรมดา แต่พออายุมากขึ้นไปโรงเรียน ความคิดชักเยอะ ไปเข้าสังคม อารมณ์ชักเยอะ จิตเขรอะสมาธิถดถอย ชักจะติดต่อกับเทพอารักขาไม่ได้ พอติดต่อไม่ได้ ใหม่ ๆ ท่านก็จะใช้วิธีดลใจ ให้เกิดจิตสำนึกที่ดี เด็กก็จะรู้สึกว่าไม่เคยคิดเรื่องนี้แล้วทำไมมันผุดขึ้นมา สิ่งที่ผุดขึ้นมาคือการดลใจของเทพอารักขา ถ้าดลใจแล้วยังไม่รู้เรื่อง เริ่มกินเหล้าเมายา เริ่มเชื่อเพื่อน เริ่มหลงทีวี ไม่ฟังแม้กระทั่งพ่อแม่ เทพอารักขาดลใจไม่ได้ผล ท่านก็จะไปเข้าฝัน เวลาท่านเข้าฝันบางทีเราไม่เข้าใจท่านก็จะเข้าฝันสามครั้ง ถ้าสามครั้งแล้วมันยังไม่สำเหนียกอีก ท่านก็จะปล่อย ปล่อยวาง บางท่านก็จากไปเลย เลิกดูแล นั่นประการที่หนึ่ง

ประการที่สอง พอเราปล่อยตัวเองให้เขรอะมากจนแสงจิตเราหายไป เทวดามองไม่เห็นนะ ถึงแม้ท่านยังตามดูแลเราอยู่ เอ๊ะ มันหายไปไหนเมื่อวานยังเห็นอยู่ตรงนี้ นั่นเพราะมนุษย์ปล่อยให้ตัวเองมืดมนไปด้วยกิเลส ไปด้วยจิตปรุงแต่งไปด้วยเรื่องหลงผิด กรี๊ดกร๊าดในเรื่องไร้ประโยชน์ เมื่อจิตเสียหาย แสงจิตก็หาย ท่านก็มองไม่เห็น ช่วยเราไม่ได้ บางท่านก็รอ บางท่านก็ไป บางคนบ่นว่าทำไมสวรรค์ไม่มีตา นั่งก็กล่าวตู่เทวดาอีก ความจริงสวรรค์มีตาเยอะแยะ แต่เราไม่มีแสงจิตให้เทวดาเห็นเอง

ดังนั้น รีบปฏิบัติจิตให้ผ่องใสจริงจังต่อเนื่องซะ อย่ามัวเหลวไหล โวยวาย จะยิ่งตกต่ำ