Main navigation

พระกัปปเถระ

ว่าด้วย
ผู้บรรลุธรรมเพราะอสุภกถา
เหตุการณ์
บุพกรรมและคาถาสุภาษิตของพระกัปปเถระ

ท่านพระกัปปะได้บำเพ็ญบุญญาธิการสั่งสมบุญเป็นอันมากในภพของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน ๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าสิทธัตถะ ท่านได้บังเกิดในตระกูลที่สมบูรณ์ด้วยสมบัติเป็นอันมาก ท่านประดับประดาต้นกัลปพฤกษ์ด้วยผ้าอันวิจิตร อาภรณ์ แก้วมณี และด้วยมาลาพวงดอกไม้นานาชนิด บูชาสถูปของพระศาสดา ด้วยสิ่งของเหล่านั้น ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านจึงท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลก 

ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดในราชสกุลที่พรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับในมคธรัฐ เมื่อท่านทรงดำรงอยู่ในพระราชสมบัติ ทรงเป็นผู้ยินดีมักมากในกามทั้งหลายอย่างเหลือประมาณอยู่

พระศาสดาทรงออกจากพระมหากรุณาสมาบัติแล้ว ทรงตรวจดูสัตวโลก ทอดพระเนตรเห็นท่านมาปรากฏในพระญาณ ทรงทราบว่าถ้าพระราชาพระองค์นี้ได้ฟังอสุภกถาแล้ว จะเป็นผู้มีจิตคลายความกำหนัดในกามทั้งหลายเสียได้ พอทรงผนวชแล้วจักได้บรรลุพระอรหัต

พระองค์จึงเสด็จไปทางอากาศไปตรัสอสุภกถาแก่พระราชาองค์นั้น ว่า    

ร่างกายนี้ เต็มไปด้วยของอากูลและของอันเป็นมลทินต่าง ๆ มีหลุมคูถใหญ่เป็นที่เกิด เป็นดุจบ่อน้ำครำอันมีมานมนาน เป็นดุจฝีใหญ่ เป็นดุจแผลใหญ่ เต็มไปด้วยหนองและเลือด เต็มไปด้วยหลุมคูถ มีน้ำไหลออกเป็นนิตย์ มีของเน่าไหลออกทุกเมื่อ

กายอันเปื่อยเน่านี้รัดรึงด้วยเอ็นใหญ่ ๖๐ เส้น ฉาบทาด้วยเครื่องฉาบทา คือ เนื้อ หุ้มห่อด้วยเสื้อ คือ หนัง เป็นของหาประโยชน์มิได้ เป็นของสืบต่อเนื่องกันด้วยร่างกระดูก เกี่ยวร้อยด้วยด้าย คือ เส้นเอ็น เปลี่ยนอิริยาบถได้เพราะยังมีเครื่องประกอบพร้อม

นรชนผู้ยังคลุกคลีอยู่ในกามคุณ เป็นผู้ตระเตรียมไปสู่ความตายเป็นนิตย์ เป็นผู้ตั้งอยู่ในที่ใกล้มัจจุราช จักต้องทิ้งร่างกายไว้ในโลกนี้เอง

กายนี้อวิชชาหุ้มห่อแล้ว
ผูกรัดด้วยเครื่องผูก ๔ ประการ 
จมอยู่ในห้วงน้ำ คือ กิเลส
ปกคลุมไว้ด้วยข่าย คือ กิเลสอันนอนเนื่องอยู่ในสันดาน
ประกอบแล้วในนิวรณ์ ๕ เพียบพร้อมด้วยวิตก 
ประกอบด้วยรากเหง้าแห่งภพ คือ ตัณหา
ปกปิดด้วยเครื่องปกปิด คือ โมหะ
หมุนไปอยู่ด้วยเครื่องหมุน คือ กรรม

ร่างกายนี้ย่อมมีสมบัติกับวิบัติเป็นคู่กัน มีความเป็นต่าง ๆ กันเป็นธรรมดา คนเหล่าใดยึดถือร่างกายนี้ว่าเป็นของเรา ย่อมยังสงสารอันน่ากลัวให้เจริญ ปุถุชนเหล่านั้นย่อมถือเอาภพใหม่อีก

กุลบุตรผู้เป็นบัณฑิตเหล่าใดละเว้นร่างกายอันฉาบทาแล้วด้วยคูถ ดังบุรุษผู้ประสงค์ความสุขอยากมีชีวิตอยู่ เห็นอสรพิษแล้ว หลีกหนีไป 

พระราชาทรงสดับอสุภกถาจนแจ่มแจ้งถึงสภาวะแห่งสรีระอย่างแท้จริง ซึ่งขันธ์มีอาการเป็นอเนก อึดอัด ละอาย รังเกียจ มีพระทัยสังเวชต่อร่างกายของพระองค์ ถวายบังคมพระศาสดาแล้วทูลขอบรรพชาในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้า

ในขณะจรดมีดโกนเท่านั้นก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย 

ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า 

กัปปรุกขิยเถราปทาน ว่าด้วย ผลแห่งการตั้งต้นกัลปพฤกษ์บูชา

เราได้คล้องผ้าอันวิจิตรหลายผืนไว้ตรงหน้าพระสถูปของพระผู้มีพระภาคสิทธัตถะ แล้วตั้งต้นกัลปพฤกษ์ไว้ 

เราเข้าถึงกำเนิดใด ๆ คือ ความเป็นเทวดาหรือมนุษย์ ในกำเนิดนั้น ๆ ต้นกัลปพฤกษ์อันงามย่อมประดิษฐานอยู่ใกล้ประตูเรา เวลานั้นเราเอง บริษัท เพื่อน และคนคุ้นเคย ได้ถือเอาผ้าจากต้นกัลปพฤกษ์นั้นมานุ่งห่ม

ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้ตั้งต้นกัลปพฤกษ์ใดไว้ ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการตั้งต้นกัลปพฤกษ์ 

และในกัปที่ ๗ แต่กัปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิ ๓ องค์ ทรงพระนามว่าสุเจละ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพลมาก 

คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธ ศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว 

 

 

อ่าน กัปปเถรคาถา
อ่าน กัปปรุกขิยเถราปทาน

อ้างอิง
กัปปเถรคาถา พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๖ ข้อที่ ๓๗๔ และอรรถกถา กัปปรุกขิยเถราปทาน พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๓๒ ข้อที่ ๔๒
ลำดับที่
9

สถานที่

แคว้นมคธ

อารมณ์

กามกำเริบ

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ