Main navigation

กุณาลชาดก

ว่าด้วย
นางนกดุเหว่า
เหตุการณ์
พระผู้มีพระภาคตรัสเล่าถึงกุณาลชาดก เพื่อบรรเทาความไม่ยินดีต่อการประพฤติพรหมจรรย์ของพวกภิกษุ ในเวลาจบเทศนา ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูป ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล

ณ ภูเขาหิมพานต์ มีนกดุเหว่าตัวหนึ่งชื่อกุณาละ พระยานกกุณาละมีนางนกดุเหว่า ๓,๕๐๐ ตัว ห้อมล้อมอยู่ตลอดวัน เพื่อป้องกันอันตรายและให้ความรื่นเริง แต่พระยากนกกุณาละก็ยังด่านางนกดุเหว่าเนือง ๆ
 
ด้านทิศบูรพาแห่งเขาหิมพานต์ มีนกดุเหว่าขาวชื่อ ปุณณมุขะ อาศัยอยู่ พระยานกปุณณมุขะนี้ มีนางนกดุเหว่า ๓๕๐ ตัว ห้อมล้อมอยู่ตลอดวัน เพื่อป้องกันอันตรายและให้ความรื่นเริง โดยที่นกปุณณมุขะได้กล่าวสรรเสริญนางนกดุเหว่าเนือง ๆ
 
ต่อมา นกปุณณมุขะได้เข้าไปหาพระยานกกุณาละถึงที่อยู่ พวกนางนกดุเหว่าบริจาริกาของพระยานกกุณาละได้เห็นพระยานกปุณณมุขะ จึงขอให้พระยานกปุณณมุขะบอกพระยานกกุณาละให้กล่าววาจาดี ๆ กับพวกนาง แต่พระยานกปุณณมุขะกลับถูกพระยานกกุณาละว่ากล่าว จึงกลับไป
 
ต่อมาไม่นานนัก พระยานกปุณณมุขะได้ป่วยหนัก จวนจะตาย พวกนางนกดุเหว่าผู้เป็นบริจาริกาของพระยานกปุณณมุขะ เกิดความปริวิตกว่าพระยานกปุณณมุขะป่วยหนัก คงไม่อาจหายป่วยแล้ว จึงละทิ้งพระยานกปุณณมุขะไว้แต่ผู้เดียว แล้วพากันเข้าไปหาพระยานกกุณาละ เมื่อได้รู้ว่านางนกละทิ้งพระยานกปุณณมุขะมา พระยานกกุณาละได้ด่านางนกดุเหว่าเหล่านั้น และไปดูแลพระยานกปุณณมุขะจนหายป่วย
 
พระยานกกุณาละได้แสดงธรรมแก่พระยานกปุณณมุขะ โดยมีเทวดาในกามาวจรทั้ง ๖ พวก คือ นาค ยักษ์ รากษส สุบรรณ วิทยาธร แร้ง และเทวดาที่อาศัยอยู่ในดง รวมทั้งพญาแร้งชื่อว่าอานนท์ และนารทฤๅษีผู้สำเร็จอภิญญา ๕ มาร่วมฟังด้วย
 
พระยานกกุณาละก็แสดงเหตุที่ตนได้เห็นมาแล้วในอดีตภพโดยชาติสรญาณ ถึงโทษแห่งหญิงแก่พญานกปุณณมุขะว่า
 
นางกัณหามีผัว ๕ คน ยังได้กระทำลามกกับบุรุษเปลี้ยแคระ นางสมณีชื่อปัญจตปาวี อยู่ในท่ามกลางป่าช้า อดอาหาร ๔ วันจึงบริโภคครั้งหนึ่ง ได้กระทำกรรมอันลามกกับนักเลงสุรา นางเทวีนามว่า กากวดี อยู่ในสมุทร เป็นภรรยาของพระยาครุฑชื่อว่าท้าวเวนไตรย ได้กระทำกรรมอันลามกกับกุเวรผู้เจนจบในการฟ้อน นางขนงามนามว่า กุรุงคเทวี รักใคร่ได้เสียกับเอฬกกุมาร ได้กระทำกรรมอันลามกกับฉฬังคกุมารเสนาบดี และธนันเตวาสีผู้เป็นคนใช้ของฉฬังคกุมาร พระมารดาของพระเจ้าพรหมทัตต์ ทรงทอดทิ้งพระเจ้าโกศลราช ได้ทรงกระทำกรรมอันลามกกับพราหมณ์ชื่อปัญจาลจัณฑะ
 
 หญิง ๕ คนนี้ก็ดี หญิงอื่นก็ดี ได้กระทำมาแล้วซึ่งกรรมอันลามก เพราะเหตุนั้น ท่านจึงไม่วิสาสะ ไม่สรรเสริญหญิงทั้งหลาย
 
หญิงทั้งหลายก็เหมือนปฐพี เป็นที่รับรองสิ่งดีและสิ่งชั่ว ทนทานได้หมด  

เป็นเช่นกับราชสีห์ ซึ่งดุร้าย กินเนื้อและเลือดเป็นอาหาร เป็นสัตว์หยาบช้า ยินดีในการเบียดเบียนสัตว์อื่น ข่มขู่สัตว์อื่นกิน

นรชนจึงไม่ควรวิสาสะกับหญิงเหล่านั้น
 
หญิงทั้งหลายมุ่นมวยผมเหมือนพวกโจรประทุษร้าย เป็นพิษเหมือนสุราเจือยาพิษ พูดโอ้อวดเหมือนคนขายของ ตลบตะแลงพลิกแพลงเหมือนนอแรด สองลิ้นเหมือนงู ปกปิดเหมือนหลุมคูถที่ปิดด้วยกระดาน ให้เต็มได้ยากเหมือนไฟ ให้ยินดีได้ยากเหมือนรากษส นำไปโดยส่วนเดียวเหมือนพระยายม กินทุกอย่างเหมือนไฟ พัดพาไปทุกอย่างเหมือนแม่น้ำ ประพฤติตามปรารถนาเหมือนลม ไม่ทำอะไรให้วิเศษเหมือนเขาเมรุมาศ ผลิตผลเป็นนิตย์เหมือนต้นไม้มีพิษ
 
หญิงทั้งหลายเป็นผู้กำสัตว์ไว้ในมือจนนับไม่ถ้วน ทำโภคสมบัติในเรือนให้พินาศ
 
ทรัพย์ ๔ อย่างนี้ คือ โคผู้ โคนม ยาน ภรรยา ไม่ควรให้อยู่ในสกุลอื่น บัณฑิตไม่พึงรักษาทรัพย์ ๔ อย่างนี้ ให้อยู่พลาดจากเรือน
 
คนฉลาดย่อมไม่ฝากทรัพย์ ๔ อย่างนี้ คือ โคผู้ ๑ โคนม ๑ ยานพาหนะ ๑ ภรรยา ๑ ไว้ในตระกูลญาติ เพราะว่าคนที่ไม่มียานพาหนะย่อมใช้รถที่ฝากไว้ ย่อมฆ่าโคผู้เสีย เพราะใช้ลากเข็นเกินกำลัง ย่อมฆ่าลูกโคเพราะรีดนม ภรรยาย่อมประทุษร้ายในตระกูลญาติ
 
สิ่งของ ๖ อย่างนี้ เมื่อกิจธุระเกิดขึ้น ใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ คือ ธนูไม่มีสาย ๑ ภรรยาอยู่ในตระกูลญาติ ๑ เรือที่ฝั่งโน้น ๑ ยานพาหนะที่เพลาหัก ๑ มิตรอยู่ไกล ๑ สหายลามก ๑ สิ่งของทั้ง ๖ นี้ เมื่อกิจธุระเกิดขึ้น ใช้ประโยชน์ไม่ได้
 
หญิงย่อมดูหมิ่นสามีเพราะเหตุการ ๘ ประการ คือ

เพราะสามีเป็นคนจน ๑ เพราะสามีเจ็บกระเสาะกระแสะ ๑ เพราะสามีเป็นคนแก่ ๑ เพราะสามีเป็นนักเลงสุรา ๑ เพราะสามีเป็นคนโง่ ๑ เพราะสามีเป็นคนมัวเมา ๑ เพราะคล้อยตามในกิจทุกอย่าง ๑ เพราะไม่ก่อให้ทรัพย์ทุกอย่างเกิดขึ้น ๑
 
หญิงย่อมนำความประทุษร้ายมาให้สามีด้วยเหตุ ๙ ประการ คือ

หญิงเป็นคนมักไปป่า ๑ มักไปสวน ๑ มักไปท่าน้ำ ๑ มักไปหาตระกูลญาติ ๑ มักไปหาตระกูลอื่น ๑ มักชอบใช้กระจกและชอบประดับประดา ๑ มักดื่มน้ำเมา ๑ มักเยี่ยมมองหน้าต่าง ๑ มักยืนแอบประตู ๑
 
หญิงย่อมยั่วยวนชายด้วยเหตุ ๔๐ ประการ คือ

ดัดกายหนึ่งก้มตัว กรีดกราย ทำอาย แกะเล็บ เอาเท้าเหยียบกัน เอาไม้ขีดแผ่นดิน ทำกระโดดเอง ให้เด็กกระโดดเล่นเอง ให้เด็กเล่น จุมพิตเด็ก ให้เด็กจุมพิต กินเอง ให้เด็กกิน ให้ของแก่เด็ก ขอของจากเด็ก ทำตามที่เด็กกระทำ พูดเสียงสูง พูดเสียงต่ำ พูดเปิดเผย พูดกระซิบ ทำซิกซี้ด้วยการฟ้อน การขับ การประโคม ร้องไห้ กรีดกราย ด้วยการแต่งกายทำปึ่ง ยักเอว ส่ายผ้าที่ปิดของลับ เลิกขา ปิดขา ให้เห็นนม ให้เห็นรักแร้ ให้เห็นท้องน้อย หลิ่วตา เลิกคิ้ว เม้มปาก แลบลิ้น ขยายผ้า กลับนุ่งผ้า สยายผม มุ่นผม
 
หญิงเป็นคนประทุษร้ายสามีด้วยเหตุ ๒๕ ประการ คือ

ย่อมสรรเสริญการจากไปของสามี ย่อมไม่ระลึกถึงสามีที่จากไป ย่อมไม่ยินดีกะสามีที่กลับมา ย่อมกล่าวโทษสามี ไม่กล่าวคุณแห่งสามี ย่อมประพฤติสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แก่สามี ย่อมไม่ประพฤติสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สามี ย่อมกระทำกิจที่ไม่สมควรแก่สามี ย่อมไม่กระทำกิจที่สมควรแก่สามี ย่อมนอนคลุมโปง นอนหันหลังให้ ย่อมนอนพลิกไปพลิกมา ย่อมนอนถอนหายใจยาว ย่อมนอนกระสับกระส่ายเป็นทุกข์ ย่อมไปอุจจาระปัสสาวะบ่อยๆ ย่อมประพฤติตรงกันข้าม ได้ยินเสียงชายอื่นย่อมเงี่ยหูฟัง ย่อมล้างผลาญทรัพย์สมบัติ ย่อมทำความสนิทสนมกับชายบ้านใกล้เรือนเคียง ย่อมออกนอกบ้านเสมอ ชอบเที่ยวตามตรอกซอกซอย ย่อมประพฤตินอกใจไม่เคารพในสามี มีใจประทุษร้าย ย่อมยืนอยู่ที่ประตูเนืองๆ ย่อมเปิดรักแร้และนมให้ดู ย่อมเที่ยวสอดส่องเพ่งมองไปยังทิศต่างๆ

หญิงทั้งปวงเมื่อได้ช่อง (ที่ลับ) หญิงทั้งปวงพึงกระทำกรรมอันลามกเป็นแน่ เมื่ไม่ได้ชายที่สมบูรณ์ ก็ย่อมทำกับคนเปลี้ย

ในพวกนารีที่หลายใจ เป็นผู้กระทำความยั่วยวนแก่ชายทั้งหลาย ไม่มีใครข่มขี่ได้ ถ้านารีเหล่าใดแม้จะทำให้พอใจโดยประการทั้งปวง ก็ไม่ควรวางใจในนารีเหล่านั้น เพราะว่านารีเหล่านั้นเสมอด้วยท่าน้ำ
 
หญิงทั้งปวงย่อมไม่ยินดีในเรือนของตน พระนางกินนรีเทวีทรงเห็นบุรุษอื่น แม้จะเป็นคนง่อยเปลี้ย ยังละทิ้งพระราชสวามีเช่นพระเจ้ากินนร ไปทำกรรมอันลามกกับบุรุษเปลี้ยนั้นได้

พระเจ้าพกะและพระเจ้าพาวรีย์ ทรงหมกมุ่นอยู่ในกามเกิน ส่วนพระมเหสียังประพฤติอนาจารกับคนรับใช้ใกล้ชิด ซ้ำตกอยู่ในอำนาจแห่งความปรารถนาชายคนอื่น ใครหรือหญิงจะไม่พึงประพฤตินอกใจด้วย

บุรุษผู้ไม่ถูกผีสิง ไม่ควรเชื่อหญิงทั้งหลายผู้หยาบช้า ใจเบา อกตัญญู ประทุษร้ายมิตร หญิงเหล่านั้นไม่รู้จักสิ่งที่กระทำแล้ว สิ่งที่ควรกระทำ ไม่รู้จักมารดาบิดาหรือพี่น้อง ไม่มีละอาย ล่วงเสียซึ่งธรรม ย่อมเป็นไปตามอำนาจจิตของตน เมื่อมีอันตรายและเมื่อกิจเกิดขึ้น ย่อมละทิ้งสามี แม้จะอยู่ด้วยกันมานาน เป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เป็นที่อนุเคราะห์ แม้เสมอกับชีวิต
 
เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่วิสาสะกับหญิงทั้งหลาย

จิตของหญิงเหมือนจิตของวานร ลุ่ม ๆ ดอนๆ เหมือนเงาไม้ หัวใจของหญิงไหวไปไหวมา เหมือนล้อรถที่กำลังหมุน
 
เมื่อใดหญิงทั้งหลายผู้มุ่งหวัง เห็นทรัพย์ของบุรุษที่ควรจะถือเอาได้ เมื่อนั้น ก็ใช้วาจาอ่อนหวานชักนำบุรุษไปได้

เมื่อใดหญิงทั้งหลายผู้มุ่งหวัง ไม่เห็นทรัพย์ของบุรุษที่ควรถือเอาได้ เมื่อนั้น ย่อมละทิ้งบุรุษนั้นไป 

หญิงทั้งหลายเปรียบด้วยเครื่องผูกรัด กินทุกอย่างเหมือนเปลวไฟ มีมายากล้าแข็ง เหมือนแม่น้ำมีกระแสเชี่ยว ย่อมคบบุรุษได้ ทั้งที่น่ารัก ทั้งที่ไม่น่ารัก เหมือนเรือจอดไม่เลือกฝั่งนี้ฝั่งโน้น

หญิงทั้งหลายไม่ใช่ของบุรุษคนเดียวหรือสองคน ย่อมรับรองทั่วไปเหมือนร้านตลาด ผู้ใดสำคัญมั่นหมายหญิงเหล่านั้นว่าของเรา ก็เท่ากับดักลมด้วยตาข่าย
 
แม่น้ำ หนทาง ร้านเหล้า สภาและบ่อน้ำ ฉันใด หญิงในโลกก็ฉันนั้น เขตแดนของหญิงเหล่านั้นไม่มี

หญิงทั้งหลายเสมอด้วยไฟกินเปรียง เปรียบด้วยงูเห่า ย่อมเลือกคบแต่บุรุษที่มีทรัพย์ 

ไฟกินเปรียง ๑ ช้างสาร ๑ งูเห่า ๑ พระราชาผู้ได้รับมูรธาภิเษกแล้ว ๑ หญิงทั้งปวง ๑ สิ่งทั้ง ๕ นี้ นรชนพึงคบด้วยความระวังเป็นนิตย์ เพราะสิ่งทั้ง ๕ นี้ มีความแน่นอนที่รู้ได้ยากแท้

หญิงที่งามเกินไป ๑ หญิงที่คนหมู่มากไม่รักใคร่ ๑ หญิงผู้ฉลาดในการฟ้อนรำขับร้อง ๑ หญิงที่เป็นภรรยาคนอื่น ๑ หญิงที่คบหาด้วยเพราะเหตุแห่งทรัพย์ ๑ หญิง ๕ จำพวกนี้ ไม่ควรคบ
 
ในครั้งนั้น พญาแร้งชื่ออานนท์ รู้แจ้งซึ่งคาถาทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดของพญานกกุณาละแล้ว ได้กล่าวคาถาว่า
 
ถ้าบุรุษจะพึงให้แผ่นดินอันเต็มด้วยทรัพย์นี้ แก่หญิงที่ตนนับถือไซร้ หญิงนั้นได้โอกาสก็จะพึงดูหมิ่นบุรุษนั้น เราจึงไม่ยอมตกอยู่ในอำนาจของพวกหญิงเผลอเรอ
 
เมื่อมีอันตรายและเมื่อกิจธุระเกิดขึ้น หญิงย่อมละทิ้งผัวหนุ่มผู้หมั่นขยัน มีความประพฤติไม่เหลาะแหละ เป็นที่รัก เป็นที่พอใจ เพราะฉะนั้น เราจึงไม่วิสาสะกับหญิงทั้งหลาย
 
บุรุษไม่ควรวางใจว่า หญิงคนนี้ปรารถนาเรา ไม่ควรวางใจว่า หญิงคนนี้ร้องไห้กระซิกกระซี้เรา เพราะว่า หญิงทั้งหลายย่อมคบได้ทั้งบุรุษที่น่ารัก ทั้งบุรุษที่ไม่น่ารัก เหมือนเรือจอดได้ทั้งฝั่งโน้นฝั่งนี้ 
 
บุรุษไม่ควรวิสาสะกะหญิง แม้จะมีลูก ๑๐ คนแล้ว ไม่ควรวิสาสะในหญิงที่กระทำความยินดีให้ เป็นผู้ล่วงศีล ไม่สำรวม

ถึงแม้ภรรยาจะพึงเป็นผู้มีความรักแน่นแฟ้น ก็ไม่ควรวางใจ เพราะว่าหญิงทั้งหลายเสมอกับท่าน้ำ
 
หญิงทั้งหลายพึงฆ่าชายก็ได้ พึงตัดเองก็ได้ พึงใช้ให้ผู้อื่นตัดก็ได้ พึงตัดคอแล้วดื่มเลือดกินก็ได้

อย่าพึงกระทำความสิเนหาในหญิงผู้มีความรักใคร่อันเลวทราม ผู้ไม่สำรวม ผู้เปรียบเทียบด้วยท่าน้ำ
 
คำเท็จของหญิงเหมือนคำจริง คำจริงของหญิงเหมือนคำเท็จ หญิงทั้งหลายย่อมเลือกคบแต่ชายที่มีทรัพย์ ดั่งโคเลือกกินหญ้าที่ดี ๆ 
หญิงทั้งหลายย่อมประเล้าประโลมชายด้วยการเดิน การจ้องดู ยิ้มแย้ม นุ่งผ้าหลุด ๆ ลุ่ย ๆ และพูดเพราะ
หญิงทั้งหลายเป็นโจร หัวใจแข็ง ดุร้าย เป็นน้ำตาลกรวด ย่อมไม่รู้อะไร ๆ ว่าเป็นเครื่องล่อลวงในมนุษย์ธรรมดา
หญิงในโลกเป็นคนลามก ไม่มีเขตแดน กำหนัดนักทุกเมื่อ และคะนอง กินไม่ควร เหมือนเปลวไฟไหม้เชื้อทุกอย่าง
 
บุรุษชื่อว่าเป็นที่รักของหญิงไม่มี ไม่เป็นที่รักก็ไม่มี เพราะหญิงทั้งหลาย ย่อมคบบุรุษได้ทั้งที่รักทั้งที่ไม่รัก เหมือนเรือจอดได้ทั้งฝั่งนี้และฝั่งโน้น
บุรุษชื่อว่าเป็นที่รักของหญิงไม่มี ไม่เป็นที่รักก็ไม่มี หญิงย่อมผูกพันชายเพราะต้องการทรัพย์เหมือนเถาวัลย์พันไม้
หญิงทั้งหลายย่อมติดตามชายที่มีทรัพย์ ถึงจะเป็นคนเลี้ยงช้าง เลี้ยงม้า เลี้ยงโค คนจัณฑาล สัปเหร่อ คนเทหยากเยื่อก็ช่าง
หญิงทั้งหลายย่อมละทิ้งชายผู้มีตระกูล แต่ไม่มีอะไร เหมือนซากศพ แต่ติดตามชายเช่นนั้นได้เพราะเหตุแห่งทรัพย์.

ในครั้งนั้น พราหมณ์ผู้ประเสริฐชื่อนารทะ รู้ชัดซึ่งคาถาทั้งเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุดของพญาแร้งอานนท์แล้ว ได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ในเวลานั้นว่า
 
มหาสมุทร ๑ พราหมณ์ ๑ พระราชา ๑ หญิง ๑ สี่อย่างนี้ ย่อมไม่เต็ม

แม่น้ำสายใดสายหนึ่งอาศัยแผ่นดิน ไหลไปสู่มหาสมุทร แม่น้ำเหล่านั้นก็ยังมหาสมุทรให้เต็มไม่ได้ เพราะฉะนั้นมหาสมุทรชื่อว่าไม่เต็ม เพราะยังพร่อง
ส่วนพราหมณ์สาธยายพระเวทมีประวัติศาสตร์เป็นที่ ๕ได้แล้ว ยังปรารถนาการเรียนยิ่งขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้น พราหมณ์จึงชื่อว่าไม่เต็ม เพราะยังพร่อง
พระราชาทรงชนะแผ่นดินทั้งหมด อันบริบูรณ์ด้วยรัตนะนับไม่ถ้วน พร้อมทั้งมหาสมุทรและภูเขา ครอบครองอยู่ ก็ยังปรารถนามหาสมุทรฝั่งโน้นอีก เพราะฉะนั้น พระราชาจึงชื่อว่าไม่เต็ม เพราะยังพร่อง
หญิงคนหนึ่งๆ มีสามีคนละ ๘ คน สามีล้วนเป็นคนแกล้วกล้า มีกำลัง สามารถนำมาซึ่งกามรสทุกอย่าง หญิงยังกระทำความพอใจในชายคนที่ ๙ อีก เพราะฉะนั้น หญิงจึงชื่อว่าไม่เต็ม เพราะยังพร่อง
 
หญิงทุกคนกินทุกอย่างเหมือนเปลวไฟ พาไปได้ทุกอย่างเหมือนแม่น้ำ เหมือนกิ่งไม้มีหนาม ย่อมละชายไปเพราะเหตุแห่งทรัพย์
 
ชายใดพึงวางความรักทั้งหมดในหญิง ชายนั้นเหมือนดักลมด้วยตาข่าย เหมือนตักน้ำใส่มหาสมุทรด้วยมือข้างเดียว จะพึงได้ยินแต่เสียงมือของตน
 
ภาวะของหญิงที่เป็นโจร รู้มาก หาความจริงได้ยาก เป็นอาการที่ใคร ๆ รู้ได้ยาก เหมือนรอยทางปลาในน้ำ
หญิงไม่มีความพอ อ่อนโยน พูดเพราะ ให้เต็มได้ยาก เสมอแม่น้ำ ทำให้ล่มจม บุคคลรู้ดังนี้แล้ว พึงเว้นเสียให้ห่างไกล
หญิงเป็นเหมือนน้ำวน มีมายามาก ทำพรหมจรรย์ให้กำเริบ ทำให้ล่มจม บุคคลรู้ดังนี้แล้ว พึงเว้นเสียให้ห่างไกล
เมื่อหญิงคบบุรุษใด เพราะความพอใจ หรือเพราะเหตุแห่งทรัพย์ ย่อมเผาบุรุษนั้นโดยพลัน เหมือนไฟป่าเผาสถานที่เกิดของตน

ในครั้งนั้น พญานกกุณาละรู้แจ้งแล้ว ซึ่งเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดแห่งคาถาของนารทพราหมณ์ผู้ประเสริฐ จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ในเวลานั้นว่า
 
บัณฑิตพึงเจรจากับบุรุษผู้ถือดาบอย่างคมกล้า พึงเจรจากับปีศาจผู้ดุร้าย แม้จะพึงเข้าไปนั่งใกล้งูพิษร้าย แต่ไม่ควรเจรจากับหญิงตัวต่อตัว เพราะว่าหญิงเป็นผู้ย่ำยีจิตของโลก ถืออาวุธ คือ การฟ้อนรำ ขับร้องและการเจรจา ย่อมเบียดเบียนบุรุษผู้ไม่ตั้งสติไว้ 
 
หญิงไม่มีวินัย ไม่มีสังวร ยินดีในน้ำเมาและเนื้อสัตว์ ไม่สำรวม ผลาญทรัพย์ที่บุรุษหามาได้โดยยากให้ฉิบหาย เหมือนปลาติมิงคละกลืนกินมังกรในทะเล
 
หญิงมีกามคุณ ๕ อันน่ายินดี เป็นทำเลหากิน เป็นคนหยิ่ง จิตไม่เที่ยงตรง ไม่สำรวม ย่อมเข้าไปหาชายผู้ประมาท เหมือนแม่น้ำทั้งหลายอันไหลไปสู่มหาสมุทร
 
หญิงได้ชื่อว่าฆ่าชายด้วยราคะและโทสะ เข้าไปหาชายคนใด เพราะความพอใจ เพราะความกำหนัด หรือเพราะต้องการทรัพย์ ย่อมเผาชายเช่นนั้นเสีย เช่นดังเปลวไฟ
 
หญิงรู้ว่าชายมั่งคั่ง มีทรัพย์มาก ย่อมเข้าไปหาชาย ย่อมให้ทั้งทรัพย์และตนเอง ย่อมเกาะชายที่มีจิตถูกราคะย้อม เหมือนเถาย่านทรายเกาะไม้สาละในป่า
 
หญิงประดับร่างกายหน้าตาให้สวย เข้าไปหาชายด้วยความพอใจมีประการต่างๆ ทำยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ใช้มารยาตั้งร้อย เหมือนดังคนเล่นกลและอสุรินทรราหู
 
หญิงประดับประดาด้วยทอง แก้วมณีและมุกดา ถึงจะมีคนสักการะและรักษาไว้ในตระกูลสามี ก็ยังประพฤตินอกใจสามี ดังหญิงที่อยู่ในทรวงอก ประพฤตินอกใจทานพ
 
นรชนผู้มีปัญญาเครื่องพิจารณา แม้จะมีเดช มีมหาชนสักการะบูชา ถ้าตกอยู่ในอำนาจของหญิงแล้ว ย่อมไม่รุ่งเรือง เหมือนพระจันทร์ถูกราหูจับ
 
โจรผู้มีจิตโกรธ คิดประทุษร้าย พึงกระทำแก่โจรอื่นซึ่งเป็นข้าศึกที่มาประจัญหน้า ส่วนผู้ตกอยู่ในอำนาจหญิง ไม่มีอุเบกขา ย่อมเข้าถึงความพินาศยิ่งกว่านั้นอีก
 
หญิงถึงจะถูกชายฉุดกระชากลากผม และหยิกข่วนด้วยเล็บ คุกคามทุบตีด้วยเท้า ด้วยมือและท่อนไม้ ก็กลับวิ่งเข้าหา เหมือนหมู่แมลงวันที่ซากศพ
 
บุรุษผู้มีจักษุ คือปัญญา ปรารถนาความสุขแก่ตน พึงเว้นหญิงเสีย 
 
บุรุษผู้ตกอยู่ในอำนาจของหญิง ย่อมถูกติเตียนทั้งในโลกนี้และโลกหน้า กรรมของตนกระทบแล้ว เป็นคนโง่เขลา ย่อมไปพลั้ง ๆ พลาด ๆ โดยไม่แน่นอน เหมือนรถที่เทียมด้วยลาโกง ย่อมไปผิดทาง
 
ผู้ตกอยู่ในอำนาจของหญิง ย่อมเข้าถึงนรก เป็นที่เผาสัตว์ให้รุ่มร้อน และนรกอันมีป่าไม้งิ้ว มีหนามแหลมดังหอกเหล็ก แล้วมาในกำเนิดสัตว์ ดิรัจฉาน ย่อมไม่พ้นจากวิสัยเปรตและอสุรกาย
 
หญิงย่อมทำลายความเล่นหัว ความยินดี ความเพลิดเพลินอันเป็นทิพย์ และจักรพรรดิสมบัติ ในมนุษย์ของชายผู้ประมาท ให้พินาศ และยังทำชายนั้นให้ถึงทุคติอีกด้วย
 
ชายเหล่าใดไม่ต้องการหญิง ประพฤติพรหมจรรย์ ชายเหล่านั้นพึงได้การเล่นหัว ความยินดีอันเป็นทิพย์ จักรพรรดิสมบัติในมนุษย์ และนางเทพอัปสรอันอยู่ในวิมานทองโดยไม่ยากเลย
 
ชายเหล่าใดไม่ต้องการหญิง ประพฤติพรหมจรรย์ ชายเหล่านั้นพึงได้คติที่ก้าวล่วงเสียซึ่งกามธาตุ รูปธาตุ สมภพ และคติที่เข้าถึงวิสัยความปราศจากราคะโดยไม่ยากเลย
 
ชายเหล่าใดไม่ต้องการหญิง ประพฤติพรหมจรรย์ ชายเหล่านั้นเป็นผู้ดับแล้ว สะอาด พึงได้นิพพานอันเกษม อันก้าวล่วงเสียซึ่งทุกข์ทั้งปวง ล่วงส่วน ไม่หวั่นไหว ไม่มีอะไรปรุงแต่ง โดยไม่ยากเลย
 
เมื่อพระผู้มีพระภาคได้ตรัสเล่าถึงกุณาลชาดกแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า

พญานกกุณาละในครั้งนั้นเป็นพระตถาคต พญานกดุเหว่าขาวเป็นพระอุทายี พญาแร้งเป็นพระอานนท์ นารทฤาษีเป็นพระสารีบุตร บริษัททั้งหลายเป็นพุทธบริษัท
 
ในเวลาจบเทศนา ภิกษุทั้ง ๕๐๐ รูปตั้งอยู่เฉพาะแล้วในโสดาปัตติผล แม้ฤทธิ์ของภิกษุเหล่านั้นก็สำเร็จแล้วด้วยมรรคนั้น

 

 

พระโพธิสัตว์, พระเจ้าพรหมทัต, พระอานนท์, พระอุทายี, พระสารีบุตร

อ่าน กุณาลชาดก 

อ้างอิง
กุณาลชาดก พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๒๘ ข้อที่ ๒๙๖-๓๑๔ หน้า ๗๕-๘๘
ลำดับที่
20

อารมณ์

กามกำเริบ

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ