Main navigation

ข้อประพฤติ ปฏิบัติต่อทิศทั้ง ๖

อริยสาวกเป็นผู้ปกปิดทิศทั้ง ๖ ให้เกษมสำราญ ให้ไม่มีภัย โดยประพฤติและปฏิบัติ ดังนี้

ทิศเบื้องหน้า คือ มารดาและบิดา

ซึ่งบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ ตั้งใจไว้ว่าท่านเลี้ยงเรามา เราจะเลี้ยงท่านตอบ รับทำกิจของท่าน ดำรงวงศ์สกุล ปฏิบัติตนให้เป็นผู้สมควรรับทรัพย์มรดก และเมื่อท่านละไปแล้ว ตามเพิ่มให้ซึ่งทักษิณา 

ส่วนมารดาบิดา ย่อมอนุเคราะห์บุตรด้วยสถาน ๕ คือ ห้ามจากความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดี ให้ศึกษาศิลปวิทยา หาภรรยาที่สมควรให้ และมอบทรัพย์ให้

ทิศเบื้องขวา คือ อาจารย์

ซึ่งศิษย์พึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ ลุกขึ้นยืนรับ เข้าไปยืนคอยรับใช้ เชื่อฟัง ทำการปรนนิบัติ และเรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ  

ส่วนอาจารย์ ย่อมอนุเคราะห์ศิษย์ด้วยสถาน ๕ คือ แนะนำดี ให้เรียนดี บอกศิษย์ด้วยดีในศิลปวิทยาทั้งหมด ยกย่องให้ปรากฏในเพื่อนฝูง และทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย

ทิศเบื้องหลัง คือ บุตรและภรรยา

ซึ่งสามีพึงบำรุงภรรยาด้วยสถาน ๕ คือ ยกย่องว่าเป็นภรรยา ไม่ดูหมิ่น ไม่ประพฤตินอกใจ มอบความเป็นใหญ่ให้ และให้เครื่องแต่งตัว

ส่วนภรรยา ย่อมอนุเคราะห์สามีด้วยสถาน ๕ คือ จัดการงานดี สงเคราะห์คนข้างเคียงของสามี ไม่ประพฤตินอกใจ รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ และขยันไม่เกียจคร้านในกิจการทั้งปวง

ทิศเบื้องซ้าย คือ มิตรและอำมาตย์

ซึ่งกุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ การให้ปัน เจรจาถ้อยคำเป็นที่รัก ประพฤติประโยชน์ ด้วยความเป็นผู้มีตนเสมอ และไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความจริง

ส่วนมิตร ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๕ คือ รักษามิตรผู้ประมาทแล้ว รักษาทรัพย์ของมิตรผู้ประมาทแล้ว เมื่อมิตรมีภัยเอาเป็นที่พึ่งได้ ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ และนับถือตลอดถึงวงศ์ของมิตร

ทิศเบื้องต่ำ คือ ผู้ใต้บังคับบัญชา ทาสและกรรมกร

ซึ่งนายพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ จัดการงานให้ทำตามสมควรแก่กำลัง ให้อาหารและรางวัล รักษาในคราวเจ็บไข้ แจกของมีรสแปลกประหลาดให้กิน และ ด้วยปล่อยในสมัย

ส่วนทาสกรรมกร ย่อมอนุเคราะห์นายด้วยสถาน ๕ คือ ลุกขึ้นทำงานก่อนนาย เลิกงานทีหลังนาย ถือเอาแต่ของที่นายให้ ทำงานให้ดีขึ้น และนำคุณของนายไปสรรเสริญ

ทิศเบื้องบน คือ สมณพรามณ์

ซึ่งกุลบุตรพึงบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ ด้วยกายกรรม วจีกรรมและมโนกรรมที่ประกอบด้วยเมตตา ด้วยการเปิดประตูต้อนรับ และให้อามิสทานเนืองๆ

ส่วนสมณพราหมณ์ ย่อมอนุเคราะห์กุลบุตรด้วยสถาน ๖ คือ ห้ามไม่ให้ทำความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดี อนุเคราะห์ด้วยน้ำใจอันงาม ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง และบอกทางสวรรค์ให้

คฤหัสถ์ควรนอบน้อมทิศเหล่านี้ บัณฑิตผู้ถึงพร้อมด้วยศีล  เป็นคนละเอียดและมีไหวพริบ มีความประพฤติเจียมตน ไม่ดื้อ มีปัญญา สงเคราะห์แสวงหามิตรที่ดี รู้เท่าถ้อยคำที่กล่าว ปราศจากตระหนี่ เป็นผู้แนะนำแสดงเหตุผลต่างๆ ย่อมได้ยศ คนหมั่นไม่เกียจคร้าน ย่อมไม่หวั่นไหวในอันตรายทั้งหลาย

ธรรม ๔ ประการ ได้แก่ การให้ เจรจาไพเราะ ประพฤติให้เป็นประโยชน์ และความเป็นผู้มีตนเสมอในธรรมทั้งหลายในคนนั้นๆ ตามควร เป็นธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจในโลก ซึ่งถ้ามารดาและบิดาไม่มีธรรมเหล่านี้ จะไม่ได้รับความนับถือบูชาจากบุตร เมื่อบัณฑิตทั้งหลายพิจารณาเห็นธรรมเครื่องยึดเหนี่ยวเหล่านี้โดยชอบ ย่อมถึงความเป็นใหญ่ และเป็นผู้อันหมู่ชนสรรเสริญทั่วหน้า

เมื่อจบเทศนา สิงคาลกะขอถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ประกาศตนเป็นอุบาสกผู้ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

อ้างอิง
พระสุตตันตปิฎกเล่ม ๓ ข้อ [๑๗๒] ถึงข้อ [๒๐๖] สิงคาลกสูตร
ลำดับที่
14

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ

พระธรรม

ธรรมปฏิบัติ

พระธรรม

วิเวก

พระธรรม

ธรรมวิภังค์

พระธรรม

เวทัลลธรรม

พระธรรม

อานุภาพกรรม

พระธรรม

สุคติ สุคโต

พระธรรม

ฆราวาสธรรม