Main navigation

ปราบพญาสวัตตีมาร

เหตุการณ์
พระโมคคัลลานะสั่งสอนมารที่เข้ามาอยู่ในท้องของตนว่าการเบียดเบียนพระพุทธเจ้าและสาวกของพระพุทธเจ้าจะทำให้ผู้เบียดเบียนได้รับทุกข์หนัก พระผู้มีพระภาคกกุสันธะทรงแก่โอวาทภิกษุให้เจริญพรหมวิหารหากถูกด่าหรือติเตียน หากได้รับการเคารพ สักการะให้พิจารณากายไม่งาม โลกไม่น่ายินดี สังขารไม่เที่ยง

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ มิคทายวัน ในเภสกลาวัน เขตเมืองสุงสุมารคีระ ในภัคคชนบท

ท่านพระมหาโมคคัลลานะจงกรมอยู่ในที่แจ้ง รู้สึกว่าท้องเหมือนมีก้อนหินหนัก ๆ เมื่อใคร่ครวญก็เห็นมารอยู่ในท้องในลำไส้ จึงบอกให้มารออกมา อย่าได้เบียดเบียนพระตถาคตและสาวกของพระตถาคต วิเหสนกรรมนั้นอย่าได้มีเพื่อโทษ เพื่อทุกข์แก่มารตลอดกาล

ในตอนแรกมารนั้นคิดว่าพระเถระจะรู้จักตนได้อย่างไร เพราะแม้แต่พระศาสดายังไม่รู้จักตนได้เร็วไวได้ แต่เมื่อทราบว่าพระเถระรู้จักและเห็นตนและคุยกับตนอยู่ จึงออกจากปากท่านพระเถระ แล้วมายืนอยู่ที่ข้างบานประตู ซึ่งพระมหาโมคคัลลานะก็บอกมารว่า เห็นมารยืนอยู่ที่ข้างบานประตู และได้เล่าเรื่องให้มารฟังว่า

ครั้งก่อนพระมหาโมคคัลลานะเป็นมารชื่อทูสี และมารที่อยู่ในท้องของท่านนั้นเป็นหลานชายของท่าน โดยเป็นบุตรของน้องสาวท่านที่ชื่อกาลี

ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคพระนามว่ากกุสันธะทรงมีคู่พระมหาสาวกชื่อวิธุระและสัญชีวะ โดยท่านพระวิธุระเป็นเลิศในทางธรรมเทศนา ส่วนท่านพระสัญชีวะสามารถเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธได้โดยง่าย

ครั้งหนึ่ง ท่านพระสัญชีวะนั่งเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ พวกคนเลี้ยงโค เลี้ยงปศุสัตว์  คนไถนา และคนเดินทาง ผ่านมาเห็นคิดว่าท่านนั่งทำกาละแล้ว จึงเอาไฟจุดเผาแล้วหลีกไป  เมื่อล่วงราตรีนั้น ท่านพระสัญชีวะออกจากสมาบัติแล้ว เวลาเช้าได้เข้าไปสู่บ้านเพื่อบิณฑบาต เมื่อคนเหล่านั้นเห็นท่านก็รู้สึกอัศจรรย์ที่พระสมณะนั่งทำกาละแล้ว แต่กลับมีสัญญาอยู่  ด้วยเหตุนี้ ท่านพระสัญชีวะจึงมีชื่อว่า สัญชีวะ

ฝ่ายทูสีมารมีความคิดว่า ตนไม่รู้จักภิกษุผู้มีศีล มีกัลยาณธรรมเหล่านี้ จึงดลใจพวกพราหมณ์และคฤหบดี ให้ด่า เสียดสี เบียดเบียนพวกภิกษุเหล่านั้น เพื่อให้ภิกษุเหล่านั้นมีจิตเป็นอย่างอื่นแล้วตนพึงได้ช่อง  

ครั้งนั้น มนุษย์ผู้ด่า เสียดสี เบียดเบียนภิกษุเหล่านั้นเมื่อตายไปก็เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกโดยมาก

เพื่อไม่ให้ภิกษุที่ถูกด่า เสียดสี เบียดเบียน มีจิตเป็นอย่างอื่นซึ่งจะทำให้มารได้ช่อง พระผู้มีพระภาคกกุสันธะจึงทรงให้โอวาสแก่ภิกษุทั้งหลายให้มีจิตสหรคตด้วยเมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา แผ่ไปทั้ง ๔ ทิศ อย่างกว้างขวาง เป็นใหญ่ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท แผ่ไปสู่โลก มีสัตว์ทั้งมวล โดยความมีตนทั่วไป ในที่ทั้งปวง ทั้งเบื้องบน เบื้องต่ำ เบื้องขวาง

ทูสีมารมีความคิดว่า แม้ตนจะทำถึงอย่างนี้ ก็ยังไม่รู้ความมาหรือความไปของภิกษุเหล่านี้เลย ดังนั้น จึงเปลี่ยนเป็นชักชวนพวกพราหมณ์และคฤหบดีให้สักการะ เคารพ นับถือ บูชาภิกษุทั้งหลาย เพื่อให้ภิกษุเหล่านั้นมีจิตเป็นอย่างอื่น แล้วตนพึงได้ช่อง

ครั้งนั้น มนุษย์ผู้เคารพ สักการะ บูชาภิกษุเหล่านั้น เมื่อตายไป ก็เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์โดยมาก

เพื่อไม่ให้ภิกษุผู้ได้รับการเคารพ สักการะ บูชา มีจิตเป็นอย่างอื่นให้มารได้ช่อง พระผู้มีพระภาคกกุสันธะจึงทรงให้โอวาสแก่ภิกษุทั้งหลายให้พิจารณาเห็นในกายว่าไม่งาม มีความสำคัญในอาหารว่าเป็นของปฏิกูล ว่าโลกทั้งปวงไม่น่ายินดี สังขารทั้งปวงเป็นของไม่เที่ยง

เช้าวันหนึ่ง พระผู้มีพระภาคกกุสันธะเสด็จเข้าไปสู่บ้านเพื่อบิณฑบาต โดยมีท่านพระวิธุระเป็นปัจฉาสมณะ ทูสีมารได้เข้าสิงเด็กคนหนึ่ง แล้วเอาก้อนหินขว้างที่ศีรษะพระวิธุระจนศีรษะแตก  มีเลือดไหล พระผู้มีพระภาคทรงชำเลืองดูทูสีมารแล้วตรัสว่า ทูสีมารมิได้รู้ประมาณเลย  ทูสีมารก็เคลื่อนจากที่นั้นเข้าถึงมหานรก 

มหานรกมีชื่อ ๓ อย่าง คือ ฉผัสสายตนิกะ สังกุสมาหตะก็มี และปัจจัตตเวทนียะ โดยทูสีมารได้หมกไหม้อยู่ในมหานรกนั้นหลายพันปี และในอุสสทนรกแห่งมหานรกนั้นอีกหมื่นปี มีศีรษะเหมือนมนุษย์ก็มี เหมือนปลาก็มี

พระโมคคัลลานะได้กล่าวคาถาว่า

มารผู้ประทุษร้ายภิกษุผู้เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้รู้จักนรก-สวรรค์ มีฤทธิ์ ผู้สอนธรรมแก่เทวดา แก้ทิฏฐิพรหม ย่อมประสบทุกข์อย่างหนัก

การเบียดเบียนพระพุทธเจ้าเหมือนการเผาตัวเอง ดั่งคนพาลที่ถูกไฟเผา ต้องประสบบาปมิใช่บุญ อย่าสำคัญว่า บาปไม่ให้ผลแก่เรา ชนที่สั่งสมบาป ย่อมโอดครวญตลอดกาลนาน  มารเบื่อหน่ายพระพุทธเจ้า อย่าหวังซึ่งความพินาศในภิกษุทั้งหลายเลย

มารนั้นมีความเสียใจได้หายไปในที่นั้น

 

อ่าน มารตัชชนียสูตร

อ้างอิง
มารตัชชนียสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๑๒ ข้อที่ ๕๕๗-๕๖๖ หน้า ๔๒๔-๔๓๐
ลำดับที่
9

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ