Main navigation

พระเจ้าพิมพิสาร

พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกพร้อมด้วยภิกษุ ๑,๐๐๐ รูป สู่พระนครราชคฤห์ พระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยพราหมณ์คหบดีชาวมคธ ๑๒ นหุต เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค จากนั้นพระอุรุเวลกัสสป ผู้เคยเป็นอาจารย์สั่งสอนหมู่ชฎิล ได้กล่าวยกย่องพระผู้มีพระภาคเป็นพระศาสดาของตน

พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงอนุปุพพิกถา คือ ทรงประกาศทานกถา สีลกถา สัคคกถา โทษ ความต่ำทราม ความเศร้าหมองของกามทั้งหลาย และอานิสงส์ในความออกจากกาม เพื่อให้พวกเขามีจิตสงบ ผ่องใสแล้ว  แล้วจึงทรงประกาศพระธรรมเทศนา คือ ทุกข์ สมุทัย  นิโรธ มรรค ดวงตาเห็นธรรม ได้เกิดแก่พราหมณ์คหบดีชาวมคธ ๑๑ นหุต มีพระเจ้าพิมพิสารเป็นประมุขว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลมีความดับเป็นธรรมดา พราหมณ์คหบดีชาวมคธ ๑๑ นหุต และพระเจ้าพิมพิสารบรรลุโสดาปัตติผล ส่วนพราหมณ์คหบดีอีก ๑ นหุต แสดงตนเป็นอุบาสก

พระเจ้าพิมพิสารทูลต่อพระผู้มีพระภาค ถึงความปรารถนา ๕ อย่าง ครั้งยังเป็นราชกุมาร และบัดนี้ได้สำเร็จแล้ว ได้แก่

๑. พึงอภิเษกในราชสมบัติ
๒. พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พึงเสด็จมาสู่แว่นแคว้น
๓. ได้เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
๔. พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นพึงแสดงธรรม
๕. พึงรู้ทั่วถึงธรรมของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น

พระเจ้าพิมพิสารทรงกล่าวถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระภิกษุสงฆ์เป็นสรณะ แสดงตนเป็นอุบาสก และถวายภัตตาหารแด่พระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์

ในวันรุ่งขึ้น ท้าวสักกะแปลงกายเป็นมาณพกล่าวสดุดีพระผู้มีพระภาคว่าทรงมีอริยวาสธรรม ๑๐ ประการเป็นเครื่องอยู่ ทรงประกอบด้วยพละกำลัง ๑๐ ทรงทราบธรรม คือ กรรมบถ ๑๐ และทรงประกอบด้วยธรรมอันเป็นองค์ของพระอเสขะ ๑๐

พระเจ้าพิมพิสารได้ถวายสวนเวฬุวันเป็นสังฆิกาวาสแก่ภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงรับ และทรงชี้แจงให้พระเจ้าพิมพิสารทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา แล้วเสด็จกลับ

การถวายทานนี้พระเจ้าพิมพิสารไม่ได้อุทิศส่วนกุศลไปให้ใคร คืนนั้น พระองค์ได้ยินเสียงประหลาดของญาติในอดีตที่บังเกิดเป็นเปรตมาขอส่วนบุญ พระพุทธเจ้าจึงตรัสให้พระเจ้าพิมพิสารอุทิศส่วนกุศลเพื่อให้ญาติที่เป็นเปรตได้รับส่วนบุญ 

พระเจ้าพิมพิสารจึงถวายทานแด่พระผู้มีพระภาคพร้อมภิกษุสงฆ์ แล้วทรงอุทิศให้แก่ญาติทั้งหลาย พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงติโรกุฑฑสูตร พร้อมทั้งอธิษฐานให้พระเจ้าพิมพิสารเห็นญาติทั้งหลายที่มีความอิ่มเอิบเป็นสุขจากบุญที่ทรงอุทิศให้

เมื่อญาติทั้งหลายตั้ง ข้าว น้ำ และของบริโภคไว้แล้ว แต่ไม่ได้ระลึกถึงเปรตเหล่านี้ ก็เป็นเพราะกรรมของสัตว์เหล่านั้น แต่ถ้าผู้ใดต้องการอนุเคราะห์ญาติผู้ล่วงลับ จะให้ทานแล้วอุทิศด้วยเจตนาว่า ขอทานนี้จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลาย ขอญาติทั้งหลายจงเป็นผู้ถึงความสุขเถิด และเมื่อญาติผู้ล่วงลับมาพร้อมกันในที่นั้น จะร่วมอนุโมทนาแก่ผู้ให้ทาน

ในภพภูมิเปรตนั้นไม่มีอาชีพ ไม่มีการซื้อขายด้วยเงิน จะยังชีพด้วยทานที่ญาติทำให้เท่านั้น ดังนั้นถ้านึกถึงอุปการะของญาติผู้ล่วงลับ ไม่ควรร้องให้หรือเศร้าโศกเนื่องจากไม่เกิดประโยชน์ใดๆ แต่ควรให้ทักษิณาทานแด่สงฆ์ เพื่อประโยชน์ฉับพลันแก่ญาติผู้เป็นเปรตเหล่านั้น

การบรรลุธรรมได้มีแก่ชนเป็นจำนวนมากซึ่งสลดใจเพราะการพรรณาโทษแห่งการเข้าถึงความเป็นเปรต พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงติโรกุฑฑสูตรนี้แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายอีก การตรัสรู้ธรรมได้มีถึง ๗ วัน

 



อ่าน โปรดพระเจ้าพิมพิสาร

อ้างอิง
โปรดพระเจ้าพิมพิสาร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่มที่ ๔ ข้อที่ ๕๖
ลำดับที่
10

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ