Main navigation

โคปกโมคคัลลานสูตร

ว่าด้วย
ที่พึ่งอาศัยของภิกษุและที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส
เหตุการณ์
เมื่อพระผู้มีพระภาคปรินิพพานแล้วไม่นาน ท่านพระอานนท์ อยู่ที่พระวิหารเวฬุวัน เขตพระนครราชคฤห์ พระอานนท์ตอบปุจฉาธรรมพราหมณ์โคปกะโมคคัลลานะ และวัสสการพราหมณ์ว่าภิกษุมีบุคคลใดเป็นที่พึ่งอาศัย

ภิกษุทั้งหลายมีธรรมเป็นที่พึ่งอาศัยและเข้าอาศัยในภิกษุที่มีธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส ๑๐ ประการ 

ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส ๑๐ ประการ 

(๑) เป็นผู้มีศีล สำรวมด้วยปาติโมกขสังวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจรอยู่ ย่อมเป็นผู้เห็นภัยในโทษเพียงเล็กน้อย สมาทานศึกษาในสิกขาบททั้งหลาย

(๒) เป็นพหูสูต ทรงการศึกษา สั่งสมการศึกษา ธรรมที่งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง  เห็นปานนั้น ย่อมเป็นอันเธอได้สดับแล้วมาก ทรงจำไว้ได้คล่องปาก เพ่งตามได้ด้วยใจ แทงตลอดดีด้วยความเห็น

(๓) เป็นผู้สันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัย เภสัชบริขาร

(๔) เป็นผู้ได้ฌาน ๔ อันเกิดมีในมหัคคตจิตเครื่องอยู่สบายในปัจจุบัน ตามความปรารถนาได้ไม่ยาก ไม่ลำบาก

(๕) ย่อมแสดงฤทธิ์ได้เป็นอเนกประการ

(๖) ย่อมฟังเสียงทั้งสอง คือ เสียงทิพย์ และเสียงมนุษย์ ทั้งที่ไกลและที่ใกล้ได้ด้วยทิพยโสตธาตุอันบริสุทธิ์ ล่วงโสตของมนุษย์

(๗) ย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น และบุคคลอื่นได้ด้วยใจ 

(๘) ย่อมระลึกขันธ์ที่อยู่อาศัยในชาติก่อนได้เป็นอเนกประการ

(๙) ย่อมมองเห็นหมู่สัตว์ กำลังจุติ กำลังอุปบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ ล่วงจักษุของมนุษย์

(๑๐) ย่อมเข้าถึงเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ทำให้แจ้งเพราะรู้ยิ่งด้วยตนเองในปัจจุบันอยู่

ไม่มีภิกษุเลยแม้สักรูปหนึ่งผู้ถึงพร้อมด้วยธรรมทุก ๆ ข้อ และทุกๆ ประการ ที่พระผู้มีพระภาคทรงถึงพร้อมแล้ว เพราะพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ทรงให้มรรคที่ยังไม่อุบัติได้อุบัติ ที่ยังไม่เกิดได้เกิด ตรัสบอกมรรคที่ยังไม่มีใครบอก ทรงทราบชัดมรรค ทรงรู้แจ้งมรรค และทรงฉลาดในมรรค ส่วนเหล่าสาวก เป็นผู้ดำเนินตามมรรค จึงถึงพร้อมในภายหลัง

ไม่มีภิกษุที่พระพุทธเจ้าทรงแต่งตั้งไว้ว่า เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว ภิกษุรูปนี้จักเป็นที่พึ่งอาศัย ซึ่งภิกษุทั้งหลายจะพึงเข้าไปหาได้

ไม่มีภิกษุที่ภิกษุจำนวนมากสมมติแล้วแต่งตั้งว่า เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จล่วงลับไปแล้ว ภิกษุรูปนี้จักเป็นที่พึ่งอาศัย ซึ่งภิกษุทั้งหลายจะพึงเข้าไปหาได้

เหตุแห่งความสามัคคีกันโดยธรรม : ภิกษุทั้งหลายมีธรรมเป็นที่พึ่งอาศัย

พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบท ทรงแสดงปาติโมกข์แก่ภิกษุทั้งหลาย ทุก ๆ วันอุโบสถ ภิกษุทั้งหลายจะประชุมร่วมกัน ครั้นแล้ว จะเชิญภิกษุรูปที่สวดปาติโมกข์ได้ ให้สวด ถ้าขณะที่สวดปาติโมกข์อยู่ ปรากฏภิกษุมีอาบัติและโทษที่ล่วงละเมิด ภิกษุทั้งหลายจะให้ภิกษุนั้นทำตามธรรม ตามคำที่ทรงสั่งสอนไว้ เพราะฉะนั้น ภิกษุผู้ทั้งหลายมิได้ให้พวกอาตมภาพกระทำธรรมต่างหากให้พวกอาตมภาพกระทำ

ฌาณที่พระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญ (นิวรณ์ ๕)

มีใจรัญจวนด้วยกามราคะ
ถูกกามราคะครอบงำอยู่
และไม่รู้จักสลัดกามราคะอันเกิดขึ้นแล้ว 

มีใจปั่นป่วนด้วยพยาบาท
ถูกพยาบาทครอบงำอยู่
และไม่รู้จักสลัดพยาบาทอันเกิดขึ้นแล้ว

มีใจกลัดกลุ้มด้วยถีนมิทธะ (ความหดหู่ ง่วงเหงาหาวนอน)
ถูกถีนมิทธะครอบงำอยู่
และไม่รู้จักสลัดถีนมิทธะอันเกิดขึ้นแล้ว 

มีใจกลัดกลุ้มด้วยอุทธัจจกุกกุจจะ (ความฟุ้งซ่านรำคาญใจ)
ถูกอุทธัจจกุกกุจจะครอบงำอยู่
และไม่รู้จักสลัดอุทธัจจกุกกุจจะอันเกิดขึ้นแล้ว 

มีใจกลัดกลุ้มด้วยวิจิกิจฉา (ความลังเลสงสัย)
ถูกวิจิกิจฉาครอบงำอยู่
และไม่รู้จักสลัดวิจิกิจฉาอันเกิดขึ้นแล้ว 

ฌาณที่พระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญ (รูปฌาณ ๔)

ปฐมฌาน
มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่

ทุติยฌาน
มีความผ่องใสแห่งใจภายใน มีความเป็นธรรมเอกผุดขึ้น เพราะสงบวิตกและวิจาร ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่

ตติยฌาน
ที่พระอริยะเรียกเธอได้ว่า ผู้วางเฉย มีสติอยู่เป็นสุขอยู่

จตุตถฌาน
อันไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ ได้ มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาอยู่

 

อ่าน โคปกโมคคัลลานสูตร

อ้างอิง
โคปกโมคคัลลานสูตร พระไตรปิฎก ฉบับหลวง เล่ม ๑๔ ข้อที่ ๑๐๕-๑๑๙ หน้า ๖๘-๗๖
ชุดที่
ลำดับที่
5

พระไตรปิฎกเสียงชุดอื่นๆ