Main navigation
ภิกษุโจทภิกษุด้วยอาบัติ ภิกษุผู้เป็นจำเลยนั้น เมื่อถูกโจทด้วยอาบัติ

๑.  ย่อมอำพรางอาบัติไว้ว่า ผมนึกไม่ได้  

เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบเหมือนม้าโกงที่นายสารถีเตือนว่า จงเดินไป ถูกแทงด้วยประตักเตือนอยู่ ย่อมถอยหลัง ดันให้รถกลับหลัง ฉะนั้น

๒.  กลับโต้ตอบการโจทนั่นเองว่า จะมีประโยชน์อะไรหนอด้วยคำที่ท่านซึ่งเป็นคนโง่ ไม่ฉลาดกล่าว ท่านเองควรสำนึกถึงคำที่ควรพูด

เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบเหมือนม้าโกงที่นายสารถีเตือนว่า จงเดินไป ถูกแทงด้วยประตักเตือนอยู่ ย่อมหกหลัง ดีดธูปหัก ฉะนั้น

๓.  กลับโจทตอบแก่ภิกษุผู้โจทนั่นเองว่า แม้ท่านก็ต้องอาบัติชื่อนี้ ท่านจงทำคืนเสียก่อน

เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบเหมือนม้าโกง ที่นายสารถีเตือนว่า จงเดินไป ถูกแทงด้วยประตักเตือนอยู่ ย่อมยกขาขึ้นตะกุย งอนรถ ถีบงอนรถ ฉะนั้น

๔.  ย่อมพูดกลบเกลื่อน พูดนอกลู่นอกทาง แสดงความโกรธ ความขัดเคือง และความไม่ยำเกรงให้ปรากฏ

เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบเหมือนม้าโกงที่นายสารถีเตือนว่า จงเดินไป ถูกแทงด้วยประตักเตือนอยู่ ย่อมเดินผิดทาง ทำให้รถคว่ำ ฉะนั้น

๕.  ยกมือทั้งสองพูดห้ามในท่ามกลางสงฆ์

เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบเหมือนม้าโกงที่นายสารถี เตือนว่า จงเดินไป ถูกแทงด้วยประตักเตือนอยู่ ย่อมเชิดกายด้านหน้า เผ่นขึ้นไป ฉะนั้น

๖.  ย่อมไม่เอื้อเฟื้อสงฆ์ ไม่เอื้อเฟื้อผู้โจทก์ ทั้งที่มีอาบัติติดตัวอยู่ เลี่ยงหลีกไปตามประสงค์ของตน

เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบเหมือนม้าโกงที่นายสารถีเตือนว่า จงเดินไป ถูกแทงด้วยประตักเตือนอยู่ ไม่คำนึงถึงด้ามประตัก เอาฟันกัดบังเหียน หลีกไปตามประสงค์ของมัน ฉะนั้น

๗.  กล่าวว่า ผมไม่ได้ต้องอาบัติเลย เธอใช้ความนิ่งให้อึดอัดใจสงฆ์

เรากล่าวบุคคลนี้ เปรียบเหมือนม้าโกงที่นายสารถีเตือนว่า จงเดินไป ถูกแทงด้วยประตักเตือนอยู่ ไม่ยอมก้าวไปข้างหน้า ทั้งไม่ถอยหลัง ยืนเฉยเหมือนเสาเขื่อนอยู่ตรงนั้นนั่นเอง ฉะนั้น

๘.  ย่อมกล่าวว่า ทำไมหนอ ท่านผู้มีอายุทั้งหลายจึงชอบหาเรื่องในตัวผมนัก บัดนี้ ผมกำหนดบอกคืนสิกขาลาเพศแล้ว เธอบอกคืนสิกขาลาเพศแล้ว พูดอย่างนี้ว่า บัดนี้ ขอท่านผู้มีอายุทั้งหลายจงเบาใจเถิด

เรากล่าวบุคคลนี้เปรียบเหมือนม้าโกงที่นายสารถีเตือนว่า จงเดินไป ถูกแทงด้วยประตักเตือนอยู่ คุกเท้าหน้า เท้าหลัง ลงนอนทับเท้าทั้ง ๔ ฉะนั้น