Main navigation
พระพุทธเจ้าตรัสแก่กุฏุมพีผู้เศร้าโศกถึงบุตรที่ตายไปว่า

สิ่งที่มีการแตกทำลาย หรือพินาศเป็นธรรมดา ย่อมจะแตกทำลายหรือพินาศไป และไม่ได้เกิดแก่คนผู้เดียวหรือหมู่บ้านเดียวเท่านั้น เป็นสภาวธรรม คือ ความไม่ตายย่อมไม่มีในภพทั้งสามในจักรวาล สังขารไม่สามารถดำรงอยู่โดยภาวะนั้น สังขารย่อมไม่เที่ยง สัตว์ทั้งปวงมีความตายเป็นธรรมดา สังขารทั้งหลายมีการแตกสลายไปเป็นธรรมดา

การเศร้าโศกถึงผู้ที่จากไปไร้ประโยชน์

บุตรของข้าพเจ้า ละทิ้งร่างกายของตนไป ดุจงูละทิ้งคราบเก่าไป เมื่อร่างกายของบุตรของข้าพเจ้าใช้อะไรไม่ได้
เมื่อบุคคลตายไปแล้ว ถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงไม่เศร้าโศกถึงเขา
คติของตนมีอย่างใด เขาก็ย่อมไปสู่คติของตนอย่างนั้น

บุตรของดิฉันนี้ ดิฉันมิได้เชื้อเชิญให้เขามาจากปรโลก เขาก็มาเอง
แม้เมื่อจะไปจากมนุษยโลกนี้ ดิฉันก็มิได้อนุญาตให้เขาไป
เขามาอย่างใด เขาก็ไปอย่างนั้น
การปริเทวนาถึงการที่บุตรของดิฉันไปจากมนุษยโลกนั้น จะเกิดประโยชน์อะไร
บุตรของดิฉันถูกเผาอยู่ ก็ไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้าโศกถึงเขา
คติของตนมีอย่างใด เขาก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น

เมื่อพี่ชายตายแล้ว หากว่า ดิฉันจะพึงร้องไห้ ดิฉันก็จะผ่ายผอม เมื่อดิฉันร้องไห้อยู่ จะมีผลอะไร ความไม่ยินดีจะมีแก่ญาติ มิตร และสหายของดิฉันยิ่งขึ้น
พี่ชายของดิฉันถูกเผาอยู่ ก็ไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้าโศกถึงพี่ชายนั้น
คติของตนมีอย่างใด เขาก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น

เด็กร้องไห้ขอพระจันทร์อันโคจรอยู่ในอากาศ ฉันใด
การที่บุคคลมาเศร้าโศกถึงผู้ที่ละไปสู่ปรโลกแล้วนี้ ก็มีอุปไมย ฉันนั้น 
สามีของดิฉันถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้าโศกถึงสามีนั้น
คติของตนมีอย่างใด เขาก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น

หม้อน้ำที่แตกแล้ว เชื่อมให้สนิทอีกไม่ได้ ฉันใด
การที่บุคคลมาเศร้าโศกถึงผู้ที่ละไปสู่ปรโลกแล้วนี้ ก็มีอุปไมย ฉันนั้น
นายของดิฉันถูกเผาอยู่ ย่อมไม่รู้สึกถึงความร่ำไห้ของพวกญาติ เพราะฉะนั้น ดิฉันจึงไม่เศร้าโศกถึงนายนั้น
คติของตนมีอย่างใด นายของดิฉันก็ไปสู่คติของตนอย่างนั้น