Main navigation

การถวายอาหารพระพุทธรูปหรือพระพรหม

ถาม :

การที่เราถวายผลไม้แด่พระพุทธรูปและพระพรหม ท่านจะได้รับหรือเปล่าครับ

อาจารย์ไชย ณ พล ตอบ :  

พระพุทธรูปท่านไม่ฉันอะไรแน่นอนอยู่แล้ว พระพรหมเองท่านก็ไม่ฉัน เพราะไม่ใช่อาหารของท่าน ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากผลไม้คือ เทพชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นอาหารของรุกขเทวา ภุมเทวา พวกนี้จะดมกลิ่นผลไม้ ดอกไม้บ้าง  แต่ไม่ใช่อาหารของพรหม มันคนละระดับความถี่กัน พรหมท่านเสวยปีติสุขเป็นอาหาร อยากถวายพรหมก็เข้าสมาธิให้ได้ปีติสุข แล้วแผ่ให้ท่าน ท่านจึงจะได้รับ

อยากบูชาพระพุทธเจ้า ก็ปฏิบัติธรรมให้พ้นทุกข์ เมื่อเข้าเขตมรรคผลแล้วนั่นแหละคือการถวายอริยจิตแด่พระพุทธเจ้า เป็นการสืบทอดพระศาสนา พระพุทธเจ้าทรงเล่าว่า ในปีพ.ศ. ๕๐๐๐ เมื่อพระโสดาบัน อริยะองค์สุดท้ายมรณะ ก็เป็นอันศาสนาสิ้นสุดลง แม้จะยังมีภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาที่ยังไม่บรรลุธรรมอยู่อีกมากก็ตาม ก็ไม่ถือว่าเป็นศาสนา ดังนั้น การปฏิบัติให้บรรลุธรรม และการพาคนปฏิบัติให้บรรลุธรรมนั่นแหละเป็นการถวายอริยจิตแด่พระผู้มีพระภาค เป็นการสืบพระศาสนาให้คงอยู่เป็นที่พึ่งแก่โลกต่อไป

พระพุทธองค์จึงทรงสั่งให้ปฏิบัติบูชาเป็นหลัก อามิสบูชาทำแค่ให้ตนได้ชื่นใจ เพราะท่านไม่เสพรูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสหรืออารมณ์ใดแล้ว เพราะท่านไม่มีนามรูปแล้ว