ท่านพระสารีบุตรทูลถามพระผู้มีพระภาคด้วยคาถาว่า
บุคคลพึงมีปรกติอย่างไร มีความประพฤติอย่างไร พึงพอกพูนกรรมอะไร จึงจะเป็นผู้ดำรงอยู่โดยชอบ และบรรลุถึงประโยชน์อันสูงสุดได้
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
- บุคคลพึงเป็นผู้ประพฤติอ่อนน้อมต่อบุคคลผู้เจริญ
- ไม่ริษยา
- เมื่อไปหาครูก็พึงรู้จักกาล พึงรู้จักขณะ
- ฟังธรรมีกถาที่ครูกล่าวแล้ว
- ฟังสุภาษิตโดยเคารพ
- ไปหาครูผู้นั่งอยู่ในเสนาสนะของตนตามกาล
- ทำมานะให้พินาศ
- ประพฤติอ่อนน้อม
- ระลึกถึงเนื้อความแห่งภาษิต ธรรม คือ บาลี ศีล พรหมจรรย์
- และประพฤติโดยเอื้อเฟื้อด้วยดี
- มีธรรมเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในธรรม ตั้งอยู่ในธรรม รู้จักวินิจฉัยธรรม
- ไม่ประพฤติถ้อยคำที่ประทุษร้ายธรรมเลย
- พึงให้กาลสิ้นไปด้วยภาษิตที่แท้
- บุคคลละความรื่นเริง การพูดกระซิบ ความร่ำไร ความประทุษร้าย ความหลอกลวงที่ทำด้วยมารยา ความยินดี ความถือตัว ความแข่งดี ความหยาบคาย และความหมกมุ่นด้วยกิเลสดุจน้ำฝาด เป็นผู้ปราศจากความมัวเมา ดำรงตนมั่นเที่ยวไป บุคคลเช่นนั้น รู้แจ้งสุภาษิตที่เป็นสาระ รู้แจ้งสูตรและสมาธิที่เป็นสาระ
- ปัญญาและสุตะ ย่อมไม่เจริญแก่บุคคลผู้เป็นคนผลุนผลัน เป็นคนประมาท
- ส่วนบุคคลใด ยินดีแล้วในธรรมที่พระอริยะเจ้าประกาศแล้ว บุคคลนั้นเป็นผู้ประเสริฐกว่าสัตว์ที่เหลือด้วยวาจา ด้วยใจ และการงาน ดำรงอยู่ด้วยดีแล้วในขันติ โสรัจจะ และสมาธิ ได้บรรลุถึงธรรมอันเป็นสาระแห่งสติและปัญญา
บุคคลพึงมีปรกติอย่างไร มีความประพฤติอย่างไร พึงพอกพูนกรรมอะไร จึงจะเป็นผู้ดำรงอยู่โดยชอบ และบรรลุถึงประโยชน์อันสูงสุดได้
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า
- บุคคลพึงเป็นผู้ประพฤติอ่อนน้อมต่อบุคคลผู้เจริญ
- ไม่ริษยา
- เมื่อไปหาครูก็พึงรู้จักกาล พึงรู้จักขณะ
- ฟังธรรมีกถาที่ครูกล่าวแล้ว
- ฟังสุภาษิตโดยเคารพ
- ไปหาครูผู้นั่งอยู่ในเสนาสนะของตนตามกาล
- ทำมานะให้พินาศ
- ประพฤติอ่อนน้อม
- ระลึกถึงเนื้อความแห่งภาษิต ธรรม คือ บาลี ศีล พรหมจรรย์
- และประพฤติโดยเอื้อเฟื้อด้วยดี
- มีธรรมเป็นที่มายินดี ยินดีแล้วในธรรม ตั้งอยู่ในธรรม รู้จักวินิจฉัยธรรม
- ไม่ประพฤติถ้อยคำที่ประทุษร้ายธรรมเลย
- พึงให้กาลสิ้นไปด้วยภาษิตที่แท้
- บุคคลละความรื่นเริง การพูดกระซิบ ความร่ำไร ความประทุษร้าย ความหลอกลวงที่ทำด้วยมารยา ความยินดี ความถือตัว ความแข่งดี ความหยาบคาย และความหมกมุ่นด้วยกิเลสดุจน้ำฝาด เป็นผู้ปราศจากความมัวเมา ดำรงตนมั่นเที่ยวไป บุคคลเช่นนั้น รู้แจ้งสุภาษิตที่เป็นสาระ รู้แจ้งสูตรและสมาธิที่เป็นสาระ
- ปัญญาและสุตะ ย่อมไม่เจริญแก่บุคคลผู้เป็นคนผลุนผลัน เป็นคนประมาท
- ส่วนบุคคลใด ยินดีแล้วในธรรมที่พระอริยะเจ้าประกาศแล้ว บุคคลนั้นเป็นผู้ประเสริฐกว่าสัตว์ที่เหลือด้วยวาจา ด้วยใจ และการงาน ดำรงอยู่ด้วยดีแล้วในขันติ โสรัจจะ และสมาธิ ได้บรรลุถึงธรรมอันเป็นสาระแห่งสติและปัญญา